นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร และสารวัตรเกษตร ตรวจตราร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอย่างเข้มงวด หากพบผู้กระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น ได้รับรายงานจากนายพนิต หมวกเพชร ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 2 ว่า พนักงานเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร ได้ร่วมกับชุดเฉพาะกิจพญานาคราช เข้าร่วมตรวจสอบร้านค้าวัสดุทางการเกษตรแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร พบการกระทำผิดผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และขายปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้อายัดปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มูลค่ากว่า 5 แสนบาทไว้ พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การเลือกซื้อปุ๋ยให้ได้คุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง เริ่มจากการตรวจฉลากตามข้อกำหนดของกฎหมาย ฉลากบรรจุปุ๋ยต้องเป็นภาษาไทยและต้องแสดงข้อความ สูตรปุ๋ย ชื่อการค้า ประเภทของปุ๋ย เครื่องหมายการค้า ทะเบียนปุ๋ย ปริมาณธาตุอาหารรับรอง อินทรียวัตถุรับรอง หรือจุลินทรีย์รับรอง น้ำหนักสุทธิ หรือขนาดบรรจุของปุ๋ยตามระบบเมตริก ระบุที่ตั้งสำนักงาน และสถานที่ผลิตของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ทั้งหมดนี้จะต้องมีบนหีบห่ออย่างชัดเจน รวมทั้งพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ ได้แก่ เม็ดปุ๋ยไม่จับตัวกันเป็นก้อนแข็ง เม็ดปุ๋ยเคมีไม่มีลักษณะแตกยุ่ยมีฝุ่น หากเป็นปุ๋ยเคมีเหลว ไม่ตกตะกอน แยกชั้น ภาชนะบรรจุไม่บวม และเสียรูปทรง หากเป็นปุ๋ยชนิดเกล็ด ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง ไม่มีความชื้นสูง ข้อความในฉลากไม่เลอะเลือนอ่านไม่ออก
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตร ปราบปรามพวกมิจฉาชีพที่ผลิต และจำหน่ายปัจจัยการผลิตปลอม ทั้งปุ๋ย วัตถุอันตราย หลอกขายเกษตรกร โดยมอบเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ดำเนินการทันที เพื่อไม่ให้เกษตรกรโดนเอาเปรียบ พร้อมกับสั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเกษตรกร หรือผู้ที่ทราบเบาะแสการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1174 เพื่อจะได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรของกรมวิชาการเกษตรเข้าไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว