พิธีกรรมสร้างความรับรู้ รูปแบบการควบรวม ระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ผ่านไปได้ด้วยดี
เหลือเวลาอีก 2 ปีที่ทั้งสองธนาคารจะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง
ที่ถือว่า ”หืดขึ้นคอ” กันเลยทีเดียว วุ่นวายกันอยู่กับตัวเลข การตีค่าทางบัญชีของทรัพย์สิน หนี้สิน ลูกหนี้ ลูกค้าเงินฝาก สินเชื่อ ฯลฯ อีกมากมายจิปาถะ
ที่ต้องทำกันด้วยความรอบคอบ.. มิฉะนั้นจะมีปัญหากันในภายหลัง ถือได้ว่าเป็นเวลานานกันเลยทีเดียว
ธนาคารทหารไทย ตอนนี้ถือว่า ”ลอยลำ” เพราะมีการเตรียมความพร้อมขัดสีฉวีวรรณ ในบ้านตัวเอง ลงทุนทั้งในระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน ปัดกวาดกันมาแล้ว โดยเฉพาะเตรียมความพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบเทคโนโลยี บุคคลากรก็ผ่านการสะสมเก็บคะแนน ที่ไหนไม่พร้อมเปลี่ยน ไม่ make The difference ก็ต้องยกเครื่องขนานใหญ่!
ที่น่ากังวลใจกลับเป็นเรื่องของ ”ธนชาต” รู้ทั้งรู้ว่า ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการหาเงินฝาก ปล่อยสินเชื่อ มีรูรั่ว การหารายได้จากบริการเสริมในรูปแบบต่างๆ ก็ไม่ประสีประสา..
เก่งอย่างเดียวคือ เรื่องปล่อยกู้สินเชื่อเช่าซื้อ ที่ชำนาญการเพราะ “สมเจตน์ หมูศิริเลิศ” เป็นมือเก๋า ด้านไฟแนนซ์และลิสซิ่ง ..
แต่ลิสซิ่งในช่วงเศรษฐกิจขาลง ก็เหมือนจะไม่ใช่ตลาดของ ธนชาต อีกต่อไป ทิสโก้, แลนด์แอนด์เฮาส์ หรือแม้กระทั่งไทยพาณิชย์ ก็กระโจนเข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน
อีกอย่างธนชาต เอง ระบบหลังบ้าน ถือได้ว่ายังเด็กๆ ..ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ทันสมัย แบ็คอัพซิสเต็มยังลงไม่เต็มที่
ในขณะที่บรรดาแบงก์อื่น ๆ ขนาดว่าเตรียมความพร้อม เช่น กสิกรไทย หรือไทยพาณิชย์ แม้กระทั่งแบงก์กรุงเทพ ก็ยังวิ่งตามไม่ทัน
โครงสร้างใหม่หลังการควบรวมในปีนี้ (เรียงลำดับตามผู้ถือหุ้นใหญ่) ประกอบด้วย..
• ING (ผู้ถือหุ้นเดิมจากธนาคารทหารไทย) 21.3%
• ทุนธนชาต หรือ TCAP (ผู้ถือหุ้นเดิมจากธนาคารธนชาต) 20.4%
• กระทรวงการคลัง (ผู้ถือหุ้นเดิมจากธนาคารทหารไทย) 18.4%
• สโกเทียแบงก์ หรือ BNS (ผู้ถือหุ้นเดิมจากธนาคารธนชาต) 5.6%
• ผู้ถือหุ้นรายย่อย 34.3%
ปัญหาน่าหนักใจอีกเรื่องคือการเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทยเพื่อนำไปซื้อกิจการของทุนธนชาต ท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวน ราคาหุ้นไม่น่าจูงใจ..
จะทำให้แนวทางการเพิ่มทุนที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้าที่จะใช้ช่วงการซื้อขายหุ้นในเดือนธันวาคมนี้
โดยทหารไทยจะใช้เงินเข้าซื้อหุ้นสามัญของธนชาติโดยใช้เงินทุน 130,000-150,000 ล้านบาท จากการออกหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมของทีเอ็มบีราคา 1.35-1.60 บาทต่อหุ้น
ทหารไทย คงจะต้องคิดหนัก! เพราะช่วงเวลานั้น ยังมีความผันผวนที่รอข้างหน้าอีกเพียบ
ได้แต่ส่งกำลังใจให้ ทั้งสองแบงก์ บรรลุความสำเร็จโดยเร็ว เพราะอีก 2 ปีอะไรก็เกิดขึ้นได้!
โดย..คนข้างนอก