
กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์จัดพิธีมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงเรียนดงหลวงวิทยา ตำบลดงหลวง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ภายใต้โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน”

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด และตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้แก่ราษฎร จึงให้กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีภารกิจหน้าที่ปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุนำที่ราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในราชการ มาสนับสนุนการดำเนินโครงการของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินให้แก่ประชาชน โดยจัดให้ประชาชนที่ถือครองที่ราชพัสดุอยู่ก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 และไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เช่าที่ราชพัสดุตามนโยบายรัฐบาลในอัตราผ่อนปรน ผ่านกลไกการจัดให้เช่าของกรมธนารักษ์ตามกฎหมายที่ราชพัสดุ ส่งผลให้ราษฎรที่ยินยอมเช่าที่ราชพัสดุมีคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนด้านสาธารณูปโภค และระบบสาธารณูปการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานของทางราชการ สร้างรายได้ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างความเข้มแข็งด้านสังคม และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับราษฎร ในครั้งนี้

กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียน ส.มห.1 ตำบลดงหลวง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 226 ราย (284 สัญญา) เนื้อที่ประมาณ 788 - 2 – 34.40 ไร่ แบ่งเป็น เพื่ออยู่อาศัย จำนวน 6 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 0 - 2 – 2.80 ไร่ และเพื่อการเกษตร จำนวน 278 สัญญา เนื้อที่ประมาณ 788 - 0 – 31.60 ไร่

สำหรับโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ “สัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” เป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม และในปี พ.ศ. 2568 รัฐบาลมีนโยบายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชนภายใต้โครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์” อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายในการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้แก่ประชาชนไม่น้อยกว่า 5,055 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ท้องถิ่นได้มากขึ้นต่อไป
