“ไตรรัตน์” ขานรับนโยบายรัฐเร่งกวาดล้างคอลเซนเตอร์ 1 สัปดาห์ลงพื้นที่ต่อเนื่อง 3 จังหวัด ตาก-กาญจนบุรี-สระแก้ว สั่งการเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง และภูมิภาค ลงพื้นที่ปฏิบัติการล้มเสา ตัดสาย ทำลายซิม ให้เข้มข้น ลั่นต้องบรรลุเป้าหมายเพื่อชาติ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ลงพื้นที่จังหวัดบริเวณชายแดนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมแล้ว 3 จังหวัด โดยเมื่อวันที่ 5-6 ก.พ. 2568 ลงพื้นที่ จ.ตาก วันที่ 6-7 ก.พ. 2568 ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และวันที่ 10 ก.พ. 2568 ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว และในวันที่ 12 ก.พ. 2568 จะลงพื้นที่ จ.สระแก้ว อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ข้ามแดนผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. ส่วนกลาง และภูมิภาค ลงพื้นที่จังหวัดที่ติดชายแดนทุกสัปดาห์ และหากตรวจพบความผิดปกติการใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งอินเทอร์เน็ตในบริเวณชายแดนไม่เกิน 50 เมตร จากเส้นแบ่งเขตแดนให้สั่งผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการนำสายอากาศส่งสัญญาณทั้งหมดลงทันที และจากนี้จะไม่มีการอนุญาตให้ตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรอบพื้นที่ติดบริเวณชายแดนเด็ดขาด พร้อมทั้งกำหนดค่าตามแรงสัญญาณบริเวณพื้นที่ชายแดน เพื่อไม่ให้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ หากพบความผิดปกติ ให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายงานเหตุผลต่อสำนักงาน กสทช. ทันที ไม่เช่นนั้นสำนักงาน กสทช. จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
“จากนี้เราจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ หากพบว่า ผู้ประกอบการรายใดไม่ให้ความร่วมมือ หรือพบการลักลอบดำเนินการไม่ถูกต้องตามการดำเนินธุรกิจที่ขอไว้กับสำนักงาน กสทช. เราจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ผมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือหน่วยงานรัฐ ตรวจสอบการใช้สัญญาณถี่ขึ้น พวกเราจะต้องบรรลุเป้าหมายนี้เพื่อชาติ เพราะปัญหาคอลเซนเตอร์ทำร้ายคนไทยมามากแล้ว” นายไตรรัตน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานลงพื้นที่ตรวจเสา และสายโทรศัพท์เคลื่อนที่สัปดาห์ที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นดังนี้
การลงพื้นที่ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2568 จ.กาญจนบุรี สำนักงาน กสทช. ร่วมกับ ทหาร และตำรวจ ตรวจค้นพบบ้านหลังหนึ่ง ใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Home Used ของบริษัท NT แต่มีการลากสายสื่อสารข้ามไปยังบ้านประชาชนในฝั่งประเทศเมียนมาร์ ระยะทาง 78 เมตร ซึ่งสภาพภูมิประเทศเป็นแผ่นดินที่มีพื้นที่ติดกัน พบของกลาง ได้แก่ 1.Router จำนวน 1 ตัว 2. อุปกรณ์แปลงสัญญาณเป็นไฟเบอร์ออฟติก 3. สายไฟเบอร์ออฟติก 24 เมตร 1 เส้น และ 4. สาย LAN 1 เส้น โดยสำนักงาน กสทช. ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สังขละบุรี แล้ว
ในวันเดียวกันยังตรวจสอบพบเสาส่งสัญญาณของผู้ให้บริการ 3 ราย บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี ที่มีการหันทิศทางของสายอากาศออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 7 ต้น โดยสำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งให้ดำเนินการรื้อถอนเสาส่งสัญญาณตามมาตรการแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (POI) แต่ไม่พบการกระทำผิด
จากนั้น วันที่ 7 ก.พ. 2568 ได้ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน สำนักงาน กสทช. ร่วมกับหน่วยกองร้อยทหารพรานที่ 1404 พบสายไฟเบอร์ออฟติก ไม่ปรากฏผู้ครอบครอง จำนวน 3 เส้น โดยพบว่าสายไฟเบอร์ออฟติกขนาด 24 Core ยังมีการใช้งาน และมีความยาวของสายไปถึงเมียนมาระยะทางสูงสุด 2 กิโลเมตร โดยได้ตัดสายไฟเบอร์ทั้ง 3 สายออกแล้วทั้งหมด และได้ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี หลังจากนี้จะได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่ลักลอบลากสายไฟเบอร์ออฟติกต่อไป
วันที่ 5-6 ก.พ. 2568 สำนักงาน กสทช. และสำนักงาน กสทช. ภาค 3 ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ให้บริการบริเวณแนวชายแดนบ้านวังแก้ว ตรงข้ามเมืองชเวโก๊กโก่ (ไชน่าวิว) และบ้านวังผา อ.แม่ระมาด พบเสาส่งสัญญาณซึ่งตั้งห่างจากเส้นแบ่งเขตแดนระยะไม่เกิน 50 เมตร รวม 24 เสา โดยได้สั่งให้รื้อถอนสายอากาศลงให้หมดภายในวันที่ 24 ก.พ. 2568 หากตรวจพบมีการลักลอบติดสายอากาศ สำนักงาน กสทช. จะเพิกถอนใบอนุญาตตั้งเสาทันที
ส่วนเสาที่ตั้งอยู่ระยะไม่เกิน 1,000 เมตร นับจากเส้นแบ่งเขตแดน ให้ลดกำลังส่งและปรับลดระดับความสูงของสายอากาศไม่เกิน 15 เมตร และกรณีตั้งเสาระยะไม่เกิน 3,500 เมตร นับจากเส้นแบ่งเขตแดน ให้ตั้งเสาอากาศความสูงไม่เกิน 30 เมตร
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ผู้ประกอบการจะขอติดตั้งเสาในเขตพื้นที่ติดชายแดน สำนักงาน กสทช. จะไม่อนุญาต ยกเว้นกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าอยู่ในเขตชุมชนมีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก จะให้ตั้งเสาระยะความสูงไม่เกิน 10 เมตร มาตรการทั้งหมดเพื่อไม่ให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ล้นออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
วันที่ 10 ก.พ. 2568 ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศ บริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก พบสายไฟเบอร์ออฟติกจำนวน 32 เส้น สามารถระบุผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตได้ 29 เส้น ไม่สามารถระบุได้ 3 เส้น โดยสำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการตัดสายทั้ง 3 เส้น โดยสามารถระบุผู้รับใบอนุญาตได้ในภายหลังจากตัดได้ 2 เส้น เหลือสายที่ไม่สามารถระบุผู้รับใบอนุญาตได้ 1 เส้น โดยสายดังกล่าวมีขนาด 24 core จากการตรวจสอบความยาวของสายไฟเบอร์ออฟติกด้วยเครื่องมือพิเศษ พบมีการใช้งานจำนวน 6 core มีระยะทางเข้าประเทศไทยประมาณ 17 กิโลเมตร มีระยะทางออกนอกประเทศไทย ดังนี้ ดังนี้ เส้นที่ 1) 2199 เมตร 2) 948 เมตร 3) 2198 เมตร 4) 942 เมตร 5) 125 เมตร 6) 965 เมตร โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบต้นทางของสายดังกล่าว
