
แบงก์พาเหรดลดดอกเบี้ย หลังกนง. มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.0% ไล่ตั้งแต่ TTB ลดดอกเบี้ยเงินกู้ -ธอส.กระตุ้นอสังหาฯ-ธกส.ช่วยเกษตรกร-EXIM Bank อุ้ม เอสเอ็มอี-แบงก์กรุงเทพลดดอกเบี้ยเงินกู้!
ทีทีบีลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวไม่สูงนัก อันเนื่องมาจากปัจจัยท้าทายทางด้านเศรษฐกิจจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ทางการค้า รวมถึงการตีตลาดของสินค้าจากต่างประเทศ อีกทั้งลูกค้ารายย่อยยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทีทีบีมีความห่วงใยลูกค้าทุกกลุ่ม จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.25% เหลือ 2.00% ต่อปี เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของลูกค้าและเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR และอัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.10% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

ทีทีบีพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถจัดการภาระหนี้ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนผ่านโซลูชันรวบหนี้ และโซลูชันโอนยอดหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลง ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มสภาพคล่อง ควบคู่กับแนะนำการให้ความรู้ทางการเงิน เพื่อการจัดการหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระคืนอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ตามเป้าหมายของธนาคาร ที่มุ่งมั่นทำให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้ และอนาคต
ธอส. ลดดอกเบี้ย.. กระตุ้นภาคอสังหาฯ
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดีขึ้น ผ่านการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลง 0.10% ต่อปี จากปัจจุบัน 6.250% ต่อปี เป็น 6.150% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลง 0.25% ต่อปี จากปัจจุบัน 6.40% ต่อปี เป็น 6.150% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ยังคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ที่ 6.545% ต่อปี เนื่องจากที่ผ่านมา ธอส. ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่น อย่างไรก็ตาม ธอส. พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ในอัตราเดิมให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ผู้ออมได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธอส. ได้ให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง รวมไปถึงลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ขณะเดียวกัน ธอส. ยังพร้อมช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ให้ยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป
โดยลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
ธ.ก.ส. ช่วยเกษตรกร ลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดร้อยละ 0.25
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.25 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี นั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดลงร้อยละ 0.15 ต่อปี จากร้อยละ 6.875 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 6.725 ต่อปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อย ธ.ก.ส. และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลดลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 6.875 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 6.625 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

ธ.ก.ส. พร้อมดูแลปัญหาหนี้สินเกษตรกรลูกค้าแบบครบวงจร ควบคู่กับการส่งเสริมการออมเงินเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของ ธ.ก.ส. อาทิ มาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล การเติมสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 4 ต่อปี ผ่านสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่ New Gen & Young Smart Farmer และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี หรือล้านละร้อย ผ่านสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ระยะที่ 2 และสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล เช่น สินเชื่อเงินด่วนคนดีสำหรับ อสส. และ อสม. และสินเชื่อเงินด่วนกึ่งแสน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการออมเงินผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากของ ธ.ก.ส. อาทิ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ และเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ระยะเวลาฝาก 8 เดือน ที่ให้ผลตอบแทนสูงกับ “เงินฝากทองพันชั่ง” ฝากขั้นต่ำครั้งละ 100,000 บาท รวมฝากสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำร้อยละ 2.35 ต่อปี) โดยรับดอกเบี้ยล่วงหน้าทันทีในวันที่ฝากเงิน บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีและฝากเงินได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 31 มีนาคม 2568 หรือเมื่อรับฝากเต็มวงเงิน
EXIM BANK ช่วย SMEs
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจ EXIM BANK จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.10% ต่อปี เหลือ 6.25% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ สามารถปรับตัวรับมือปัจจัยท้าทายและแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก
แบงก์กรุงเทพ ดอกเบี้ยเงินกู้!
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับลดลงสูงสุด 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) ปรับเป็น 6.825% ต่อปี เอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) เป็น 7.10% ต่อปี และเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) เป็น 6.95% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568

การปรับลดในครั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การบริโภค รวมถึงการรับมือและป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และลดภาระหนี้ของภาคธุรกิจและประชาชน ที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น