
ขณะที่ประชาชนคนกรุงยังคงรอลุ้นระทึกกับนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ที่ป่าวประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงหาเสียง จะเดินหน้าผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันประชาชนคนกรุงจะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกโครงข่ายรถไฟฟ้าภายในปลายปีนี้
ท่ามกลางความท้าทายรัฐจะแสวงหางบประมาณนับหมื่นล้านมาจากไหน ในการชดเชยค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยเฉพาะกับโครงข่ายรถไฟฟ้าที่รัฐมีสัญญาค้ำคออยู่กับเอกชนผู้รับสัมปทาน อย่างรถไฟฟ้า สายสีเขียว ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังคงมีสัญญาอยู่กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ด้วยแล้ว
ลำพังแค่ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย และค่าติดตั้งระบบรถไฟฟ้าที่ กทม. มีอยู่กับบริษัทวงเงินร่วมแสนล้านบาท ก็ยากจะสะสางเคลียร์หน้าเสื่อมากพออยู่แล้ว
หลายฝ่ายรวมทั้งกระทรวงคมนาคมจึง "มองข้ามช็อต" หวังจะให้ กทม. โอนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมดกลับมาเป็นของรัฐ หลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลงในปี 2572 เพื่อให้การดำเนินนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเป็นไปด้วยความราบรื่น
ล่าสุด ก็นัยว่า กทม. กำลังตั้งแท่นจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโครงการนี้ภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลงในปี 2572 หลังจากแนวทางในการเจรจาต่อขยายสัญญาสัมปทานสายสีเขียว 30 ปี ที่ กทม. และ BTSC ที่ดำเนินการเจรจากันจนได้ข้อยุติลงไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2562 แต่กลับไม่สามารถนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ความเห็นชอบได้ เพราะถูกกระทรวงคมนาคม และภาคประชาชนขัดขวางอย่างหนักหน่วง ทำให้ กทม. ต้องกลับมานับ 1 ใหม่

เป็นการจัดจ้างที่ปรึกษาขึ้นศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลงในปี 72 ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 (พ.ร.บ.ร่วมลงทุน) ที่กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องดำเนินการศึกษาแนวทางการบริหารโครงการภายหลังสิ้นสุดสัญญา โดยต้องดำเนินการศึกษาให้แล้วเสร็จก่อนสัญญาสิ้นสุดลงไม่ต่ำกว่า 5 ปี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ กทม. ยังคงเป็นกังวล ก็คือ หากผลศึกษาที่ได้ยังคงเห็นว่าแนวทางการต่อขยายสัญญาสัมปทานยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด ก็คงจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาว่า กทม. จะกระเตงแนวทางดังกล่าวฝ่าด่านมหาดไทยและกระทรวงคมนาคมได้อย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีกรณีการต่อขยายสัมปทานสายสีเขียว 30 ปี ที่คณะทำงาน กทม. และ BTSC ดำเนินการเจรจากันไว้ก่อนหน้า ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2562 เรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ยังคงมีอยู่ ทำให้เกิดปัญหาว่า กทม.จะแสวงหาแนวทางใหม่ในการดำเนินการได้หรือไม่ เพราะตราบใดที่ กทม. และกระทรวงมหาดไทย ยังไม่เสนอ ครม. ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ก็ยังต้องถือว่า กทม. และกระทรวงมหาดไทยยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป

#BTS นอนตีพุงกอดสัญญาจ้างเดินรถถึงปี 85
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงใน กทม. เปิดเผย "เนตรทิพย์ออนไลน์" ว่า การจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวข้างต้น แทบไม่มีความจำเป็นหรือเป็นการเสียเปล่าโดยแท้
เพราะอันที่จริงแล้ว กทม. ได้เตรียมแนวทางการดำเนินโครงการนี้ไว้ตั้ง แต่ต้นในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม.โดยมีการทำสัญญาจ้าง BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก หลังสิ้นสุดสัญญาไปจนถึงปี 2585 แล้ว เพื่อให้สิ้นสุดลงพร้อมสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย2 สายที่กทม.ว่าจ้าง BTS อยู่
ดังนั้น แม้จะมีการศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการนี้ใหม่ ไปจนถึงขั้นเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใหม่อย่างไร กทม. และผู้รับสัมปทานก็ยังคงต้องปฏิบัติตามพันธะสัญญาในการจ้าง BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สัญญาหลักควบคู่ไปกับส่วนต่อขยาย 2 สายทางไปจนสิ้นสุดสัญญาจ้างในปี 2585

แน่นอนว่า การเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ กลุ่ม BTS ย่อมมีความได้เปรียบกลุ่มอื่นๆ เพราะมีรายละเอียดต้นทุนเดินรถทั้งหมดอยู่ในมือ ซึ่งหากเปิดประมูลไปแล้ว BTS ได้รับการคัดเลือกก็คงไม่มีปัญหา สามารถจะปรับปรุงสัญญาเดินรถให้สอดคล้องกับสัญญาใหม่ได้ หรือแม้ BTSC จะไม่เข้าประมูลก็ยังคงได้รับสิทธิ์เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปจนถึงปี 85 อยู่แล้ว
หากจะถามว่าเหตุใด กทม. จึง "ปาดหน้า" ทำสัญญาจ้าง BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวโครงข่ายหลักไปก่อน ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่าสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลงในปี 72 แหล่งข่าวกล่าวว่า แต่เดิม กทม. มีเพียงสัญญาจ้างเดินรถส่วนขยายสีลม-วงเวียนใหญ่ และอ่อนนุช-แบริ่งเท่านั้น และได้ศึกษาแล้วเห็นว่าหากสิ้นสุดสัญญาแล้ว กทม. จะดำเนินโครงการเอง โดยว่าจ้าง BTS เดินรถไฟฟ้า ด้วยรายได้ที่จัดเก็บในปัจจุบันนั้นจะยังคงทำให้ กทม. มีรายได้และกำไรจากการบริหารโครงการสายสีเขียวเองทั้งหมด จึงตัดสินใจทำสัญญาจ้างเดินรถระยะยาวไปถึงปี 2585
แต่เมื่อรัฐบาลสั่งให้โอนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 สายทางใหม่ คือ แบริ่ง-สมุทรปราการ และ พหลโยธิน-คูคต เพิ่มเติมเข้ามาตามมติ ครม. ปี 2561 กลับทำให้รายได้ที่ กทม. ได้รับแต่เดิมไม่เพียงพอกับค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการรับเอาโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 สายทางเข้ามา
หมายเหตุ: ขอบคุณข้อมูลสำนักข่าวอิศรา อ่านเพิ่มเติม : https://www.isranews.org/article/isranews/136078-bkk-9.html