
ขีดเส้นตายภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้จบเกม!
..
ใกล้จะ “เกมโอเว่อร์” เข้าไปทุกที สำหรับคดีฮั้ว สว. – ฟอกเงิน - อั้งยี่ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ก.ค. 68 จะประชุมร่วมกันของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ฐานความผิดอั้งยี่ – ฟอกเงิน สว. เพื่อกำหนดแนวทางขั้นตอนต่อไป

เนื่องจากการสอบสวนปากคำพยานที่ผ่านมา ดีเอสไอพบว่า บุคคลที่เป็นสมาชิกในกลุ่มที่ร่วมกันกระทำครั้งนี้มีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไปรับเงินแล้วมาลงสมัครรับเลือก สว. เพื่อไปโหวตบุคคลอื่น โดยไม่โหวตเลือกตัวเอง จึงต้องหารือว่าจะใช้วิธีการหาพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง หรือจะสอบสวนปากคำเพิ่มอีกกี่ราย
หากถามว่า เป็นการกระทำความผิดหรือไม่ ก็ต้องเรียนว่า มีการกระทำความผิดจริง แต่ต้องพิจารณาว่าเป็นการกระทำความผิดในส่วนไหน เพราะเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็เป็นได้ อาจรับเงินมาเพื่อลงสมัคร สว. แต่อาจไม่รู้ว่ากระบวนการนี้มันมีจุดประสงค์เพื่อต้องการ สว.
คนเหล่านี้อาจไม่ได้รู้ครบทั้งวงจร
ดังนั้น ดีเอสไอจึงนัดประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่าจากพยานหลักฐานที่เรารวบรวมมาถึงตอนนี้ มีข้อเท็จจริงรับฟังอย่างไรได้บ้าง และจะพิจารณาจำนวนการสอบสวนปากคำอย่างไรต่อไป
ขณะที่กรณีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมสอบสวนกับ กกต. ทราบว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนสรุปข้อมูลและพยานหลักฐาน
“ในส่วนของสำนวนที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ดำเนินการอยู่นั้น ถ้ามีรายชื่อของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย รวมอยู่ด้วยในคดีฮั้ว สว. ในสำนวนคดีอาญาที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ฐานอั้งยี่ - ฟอกเงิน ต้องเชิญมาสอบปากคำด้วยหรือไม่ หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึง ก็จำเป็นต้องเชิญมาให้ข้อมูลทั้งหมด เพราะมันสอดคล้องกับของสำนวนของ กกต.” พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุ

นอกจากนี้ ในวันที่ 17 ก.ค. 68 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลาง คณะที่ 26 ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กกต.และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะนำสำนวนคดีฮั้ว สว. ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 138 คน คนนอกและคนของพรรคภูมิใจไทย อีก 91 คน รวมกัน 229 คน ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาก่อนมีความเห็นส่งฟ้องใครบ้าง ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
โดย กกต. ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาวินิจฉัยสำนวนฯ ให้เสียเวลาอีกต่อไป เพราะจะมีเสียงครหาว่า “ถ่วงเวลา” รวมทั้งข้อมูลในสำนวนอาจรั่วไหล และ พยานบุคคลอาจจะสูญหายได้
เนื่องจาก กกต. เป็นคนตั้ง “คณะที่ 26” แล้ว ที่ผ่านมาคณะที่ 26 ทำงานสอบสวนสืบสวน แสวงหาพยาน-หลักฐาน ทั้งตัวบุคคล-กล้องวงจรปิด-สัญญาณโทรศัพท์-เส้นทางการเงิน โดยมีการรายงานให้ กกต. ทราบเป็นระยะๆ และ กกต. ยังมอบดาบ! คือ การอำนาจให้คณะที่ 26 สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาวินิจฉัยสำนวนฯ ให้เสียเวลา
ถ้าประวิงเวลาออกไปเนิ่นนาน ใน กกต. อาจจะมี “ไส้ศึก” ล้วงข้อมูลในสำนวน และพยานมีใครบ้าง ดังนั้น กกต. ควรตรวจสำนวนเอง หรือให้บรรดาที่ปรึกษาของ กกต. ที่มีเงินเดือน มาช่วยตรวจสำนวนเพื่อความเรียบร้อย ก่อนนำคนผิดส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ภายในสิ้นเดือน ก.ค. 68

คนไทยส่วนใหญ่พิพากษากันไปแล้วว่า สว.ชุดปัจจุบัน ส่วนใหญ่เข้ามาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จ.บุรีรัมย์ได้ สว. 14 คน มากที่สุดในประเทศได้อย่างไรกัน จ.อ่างทอง มีประชากรไม่ถึง 3 แสนคน แต่ได้ สว. ถึง 6 คน
รวมถึงจังหวัดที่มีประชากรไม่มาก เช่น พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี สตูล เลย อำนาจเจริญ แต่ได้ สว. เข้ามาจังหวัดละ 5-7 คน เป็นอะไรที่ผิดปกติ!
กกต. จึงไม่ควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาวินิจฉัยสำนวนฯ ให้เสียเวลา!
แต่ควรตรวจสำนวน แล้วนำคนผิดส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้
เสือออนไลน์