ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (10 ก.ย. 62) มีการรายงานกรณีผู้ป่วยที่เกิดจากสาเหตุปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้าคร่าชีวิตนักสูบแล้ว 5 รายในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ยอดผู้ป่วยพุ่งเป็น 450 ราย ทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกโรงเตือนประชาชนทุกคนไม่ควรสูบบุหรี่ไฟฟ้า ชี้เป็นทางเดียวที่จะป้องกันโรคปอดอักเสบรุนแรงปริศนานี้ได้ ขณะที่ “หมอประกิต” กระตุ้นกระทรวงสาธารณสุขไทยเร่งออกมาตรการเฝ้าระวังการรายงานโรคปอดจากบุหรี่ไฟฟ้าหวั่นซ้ำรอยสหรัฐ
ทั้งนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบสวนการระบาดของโรคปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังระบาดหนักกว่าค่อนประเทศในสหรัฐอเมริกา
โดย ดร.ดานา เดลแมน ผู้รับผิดชอบการสอบสวนโรคให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยจาก 33 รัฐ และ 1 เขตปกครอง จำนวน 450 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว 3 ราย และกำลังสอบสวนสาเหตุการตายอีก 1 ราย
ดร.เดลแมน กล่าวว่า ในขณะนี้ยืนยันแล้วว่าโรคปอดอักเสบที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากสารเคมีบางอย่างในบุหรี่ไฟฟ้าที่ผู้ป่วยใช้ ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงคืออะไร
เนื่องจากผู้ป่วยที่ได้รับรายงานมีการใช้ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่หลากหลาย และซื้อจากแหล่งที่ต่างกัน ชนิดผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีทั้งบุหรี่ไฟฟ้าแบบปกติทั่วไป และแบบที่ผสมสารสกัดจากกัญชา ซึ่งการป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวปัจจุบันมีทางเดียวคือการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกประเภท
ทางด้าน นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลังจากที่ CDC สหรัฐออกมาแถลงการณ์ ได้มีสำนักงานสาธารณสุขประจำรัฐอินเดียนา มินนิโซต้า และแคลิฟอร์เนีย รายงานผู้เสียชีวิตจากปอดอักเสบรุนแรงเพราะสูบบุหรี่ไฟฟ้าแห่งละ 1 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตเมื่อรวมกับผู้เสียชีวิตในรัฐอิลลินอยด์และออรีกอนที่รายงานก่อนหน้านี้แล้ว เพิ่มเป็น 5 รายแล้ว
นพ.ประกิต ยังให้ความเห็นว่าจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากปอดอักเสบรุนแรงนี้ แท้จริงอาจจะมีมากกว่าที่รายงานมายัง CDC เนื่องจาก CDC เพิ่งประกาศระบบการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา และนพ.ประกิต ยังได้เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขของไทย ออกมาตรการเฝ้าระวังโรคปอดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า หวั่นซ้ำรอยสหรัฐฯที่ดำเนินการล่าช้าจนทำให้มีจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก
ขณะที่ ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากงานวิจัยล่าสุดตีพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 62 จากวารสาร the New England Journal of Medicine (NEJM) และ Morbidity and Mortality Weekly Report (MMWR) ที่ได้ทำการศึกษาโรคปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้าจากกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วย โดยงานวิจัยจาก NEJM ดร.เจนนิเฟอร์ เลเดน และคณะได้ศึกษาผู้ป่วยจำนวน 53รายที่ป่วยในรัฐอิลลินอยด์ และวิสคอนซิล พบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นมีอายุเฉลี่ย 19 ปี และไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน
อาการสำคัญคือหอบเหนื่อย ไอ เจ็บหน้าอก ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉลี่ยมีอาการป่วย 6 วันก่อนมาพบแพทย์ ทุกรายตรวจพบภาวะปอดอักเสบรุนแรงที่ปอดทั้งสองข้าง และทุกรายมีประวัติการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดย 37% สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารสกัดกัญชาอย่างเดียว 17% สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบปกติที่มีเฉพาะนิโคติน และ 44% สูบทั้งสองประเภท
โดยพบยี่ห้อที่ผู้ป่วยใช้มีความหลากหลาย พบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารสกัดกัญชา 14 ยี่ห้อ และที่มีนิโคตินอย่างเดียวรสชาติต่างๆ 13 ยี่ห้อ ซึ่งสารเคมีที่คาดว่าเป็นต้นเหตุของโรคน่าจะเป็นสารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้าผู้ป่วยใช้ที่ประกอบด้วยสารเคมีอันตรายหลายตัว แต่ยันอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นสารเคมีชนิดใด
ส่วน ดร.เควิน เดวิดสัน และคณะรายงานใน MMWR ได้ทำการสอบสวนผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงจากบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 5 ราย ในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า พบทุกรายอาการเหมือนกับที่รายงานในรัฐอื่นๆ คือ หอบเหนื่อย คลื่นไส้ อาเจียน และตรวจปอดพบการอักเสบในปอดทั้งสองข้างแต่ไม่พบการติดเชื้อ ผู้ป่วยทั้ง 5 รายใช้บุหรี่ไฟฟ้าผสมสารสกัดกัญชา โดยมี 3 รายใช้ร่วมกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้ผสมกัญชาและอีก 2 รายใช้ร่วมกับสูบบุหรี่ธรรมดา
ทั้งนี้คณะผู้วิจัยสงสัยน้ำมันที่ผสมในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวการทำให้เกิดปอดอักเสบครั้งนี้จนเกิดภาวะปอดอักเสบจากการสำลักน้ำมัน (lipoid pneumonia) ซึ่งเป็นโรคที่พบไม่บ่อยนักในภาวะปกติ ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ซึ่ง ดร.เดเนียล ฟอกซ์ หนึ่งในทีมวิจัยได้ย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย และไม่ใช่สิ่งที่ควรใช้สำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่ธรรมดา เพราะเป็นตัวนำสารเคมีอันตรายเข้าสู่ร่างกาย