
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สมาชิกวุฒิสภาสำรอง (สว.สำรอง) พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีอาญากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ รวม 7 คน และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. โดยกล่าวหาว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนทำให้กระบวนการเลือก สว. ที่ผ่านมาเสียหายอย่างร้ายแรง

โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า อาจมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการเลือก สว. รอบที่ผ่านมา จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, พรป. ป.ป.ช. มาตรา 172 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพบพฤติกรรมที่ไม่สุจริตชัดเจนในการเลือก สว. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 โดยมีการจัดทีม ผู้สมัครที่แต่งกายเหมือนกัน เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ ใช้รถตู้รับส่งจำนวนมาก รวมถึงมีการจัดอบรมสัมมนาที่โรงแรมหลายแห่ง ทั้งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครนายก และกรุงเทพฯ เพื่อวางแผนเลือกตั้งแบบเป็นขบวนการ
นับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.67 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศรับรองผลการเลือก สว. อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน เวลากว่าปีได้ล่วงไป แต่ กกต. ยังไม่สามารถชี้แจงหรือแก้ไขข้อสงสัยได้ ทั้งที่มีกระแสสังคมและหลักฐานจำนวนมากบ่งชี้ถึงการทุจริต แม้โฆษกกระทรวงยุติธรรมจะออกมาอธิบายว่า คดียังอยู่ในอำนาจของ กกต. และไม่มีการแทรกแซง แต่เชื่อว่ามีการจัดการเบื้องหลังเพื่อถ่วงเวลา ทั้งที่คดีมีหลักฐานปรากฏตั้งแต่แรก กลับถูกปล่อยให้ยืดเยื้อนานนับเดือนนับปี
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ได้มี “เอกสารลับ” ปล่อยออกมาจากคนในสำนักงาน กกต. เป็นเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการเชิญอดีต สส. จากพรรคการเมืองดัง มารับทราบข้อกล่าวกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. จากพฤติการณ์ร่วมกับพวกที่เป็น สส.หลายคน ริเริ่มวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

จากพฤติการณ์เริ่มต้น มีการนำเสนอในที่ประชุมผ่านหน้าจอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค (มีรายชื่อตัวละครครบถ้วน) ในสำนักงานใหญ่ของพรรค ที่กรุงเทพฯ และกำหนดให้ สส.พรรค จัดเตรียมหาผู้สมัคร สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอ ให้ครบ 20 กลุ่มอาชีพ โดยมีการคิดคำนวณจากโปรแกรมที่เตรียมการไว้ จะได้ สว.ประมาณ 110-120 คน
ส่วนเรื่องเงินค่าใช้จ่ายนั้น ให้ผู้เกี่ยวข้องไปเบิกเงินจาก “นาง ร.” ที่ชั้น 4 ของสำนักงานใหญ่พรรค โดยให้ทุกคนลงรายมือชื่อตอนรับเงินทุกครั้ง
ต่อมามีการจัดประชุมผู้สมัคร สว. ตามโรงแรมในจังหวัดต่างๆ เช่น พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครนายก นนทบุรี กรุงเทพฯ เพื่อจัดทำโพย ที่มีหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร สว. ซึ่งจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นเลขชุด หรือบล็อกโหวต (โพยฮั้ว)
สำหรับผู้สมัคร สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอ มีการกำหนดค่าใช้จ่ายให้ผู้สมัครที่จะเข้ามาเป็น “โหวตเตอร์” 10,000 บาท เมื่อขึ้นไปสู่ระดับจังหวัดโหวตเตอร์จะได้ 50,000 บาท และระดับประเทศ 200,000 บาท ซึ่งค่าตอบแทนที่ได้รับจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการหาผู้สมัคร หรือผู้มีสิทธิเลือกในแต่ละกลุ่มอาชีพ
โดยให้มุ่งเน้นไปยังจังหวัดเป้าหมายสำคัญ คือ อ่างทอง พิจิตร อุทัยธานี บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ เลย สตูล พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีทีมงาน “ติวเตอร์” เพื่ออธิบายกระบวนการต่างๆ หรือขั้นตอนในการจัดทำโพยฮั้ว เพื่อให้ได้ สว. เข้ามากลุ่มอาชีพละ 7 คน
การกระทำดังกล่าว มีผลทำให้การเลือก สว.ระดับประเทศ มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561
เสือออนไลน์