
ปั้น "ฮีโร่ Influencer" เอายอดไลค์... แต่ทิ้งบาดแผลให้คนพื้นที่
…
ปฏิบัติการของ "กัน จอมพลัง" กับการนำเอารถแห่เข้าไปเปิดเครื่องขยายเสียงเขย่าโสตประสาทของชาวกัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทั้งเปิดเสียงผีสาง เสียงร้องโหยหวน เสียงเครื่องบินขับไล่ และอีกสารพัดเสียง
จนทำเอาทางการกัมพูชานั่งไม่ติด ถึงขั้นโร่ไปฟ้องต่อ UNHCR ว่า ไทยจงใจกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนกระทำการอันเป็นการข่มขู่สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนพลเรือน
จนถึงขั้นที่ สว.อังคณา นิละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชน ต้องออกมาเตือน Influencer ชื่อดังว่า กำลังจะทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำบนเวทีโลกเพราะเป็นการกระทำที่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน
"ทนายหิวแสง" และอินฟลูฯ อีกหลายต่อหลายคน ก็ออกมาตอบโต้เขมรกันยกใหญ่ ทีตัวเองละเมิดข้อตกลงดอดเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารทหารไทยไม่เห็นนักสิทธิมนุษยชนหน้าไหนจะออกมาปกป้อง ขณะที่ "กัน จอมพลัง" ก็ออกมาตอบโต้ว่า ทำไมนักสิทธิมนุษยชนถึงเก่งแต่กับคนไทย ไม่ไปเก่งกับเขมรบ้าง เพราะเขมรนั้นระดมทั้งเด็ก คนท้อง คนแก่ และพระสงฆ์ เข้ามาป่วนไทยตลอด เขมรบุกรุกละเมิดอำนาจอธิปไตยไทยมาตั้ง 30-40 ปี ไทยเคยประท้วงไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขมรเคยฟังไหม

ก็คงต้องย้อนถาม "กัน จอมพลัง" และเหล่า Influencer ทั้งหลายแหล่ ท่านไปรับฟังข้อมูลที่ว่าฝ่ายทหารไทยเก็บข้อมูลการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยที่มีเป็น100 ครั้ง หรือหลายร้อยครั้งมาจากไหนกันหรือ?
จากฝ่ายทหารหรือ?
ขอโทษเถอะ!
ขนาดเขาดอดมาตั้งคาสิโนข้างบ้านที่ “บ่อนสายตะกู” หรือชื่อเต็ม “สายตะกูรีสอร์ท แอนด์ กาสิโน” ของ “ออกญาลึม เฮง” บริเวณ “จุดผ่อนปรนช่องสายตะกู” จ.บุรีรัมย์ หรือที่ "ทมอดาซิตี้" กาสิโนหรูของ “ออกญา ตรี เพียบ (Try Pheap)” กลุ่มทุนที่มีความสนิทสนมกับ บุนรานีของฮุนเซ็น ที่รุกล้ำผืนแผ่นดินไทยเข้ามาไม่รู้เท่าไหร่ที่จังหวัดตราดนั้น
ถามจริง!
พวกท่านเคยได้ยินว่าฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงมีการรายงานข้อมูลเหล่านี้ออกมาโพนทะนาให้ประชาชนคนไทยเราได้ยินได้ฟังกันหรือไม่?
ในข้อเท็จจริงเราทุกฝ่ายเห็นกันอยู่ แม้ชาวเขมรเหล่านี้จะรุกล้ำเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตไทยมา 30-40 ปีแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะฝ่ายทหารและฝ่ายความมั่นคงเคยทักท้วงหรือทำอะไรบ้าง ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการตอบโต้หรือห้ามปรามคนเหล่านั้นบ้าง?
นอกจากที่อ้างว่า ได้รายงานกรณีดังกล่าวไปยังฝั่งกัมพูชามาเป็น 100 ครั้ง หรือหลายร้อยครั้งแล้ว แต่คำถามก็คือรายงานที่ว่านั้นท่านส่งไปถึงใครหรือหน่วยงานระดับไหนกันหรือ?
ขอโทษเถอะ!
ผมทำข่าวมาทั้งชีวิต 35-40 ปี จนเกษียณตัวเองออกมาหลายปีแล้ว ยังไม่เคยได้ยินหรือเห็นรายงานอะไรที่ว่านี้แม้แต่น้อย ไม่เคยได้ยินว่า มีการนำส่งรายงานนี้ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ หรือสถานทูตไทยในกัมพูชาหรือส่งขึ้นโต๊ะเจรจาในที่ประชุมร่วมเจบีซี JBC หรือ GBC อะไรเลย..
การประชุมร่วมทั้งระดับผู้นำ JBC-GBC ของทั้งสองฝ่ายที่มีการเผยแพร่ข่าวออกมา ก็ไม่เคยได้ยินว่า มีการหยิบยกเรื่องการรุกล้ำอธิปไตยระหว่างกันขึ้นมาหารือบนโต๊ะเพื่อทักท้วงหรือตำหนิกันแต่ละฝ่าย หากมีการรุกล้ำอาณาเขตกันเป็น 100 ครั้ง หรือหลายร้อยครั้งจริง มันต้องมีรายงานเล็ดรอดหรือแพลมออกมาให้เห็นกันบ้างหล่ะ

ส่วนการระดมมวลชน FC ของเหล่า Influencer กลุ่มนั้นกลุ่มนี้เข้ามายังพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว และพยายามจัดกิจกรรมกันเป็นรายวันนั้น บอกตามตรง มันทำให้อดนึกไปถึงวันที่บรรดา Influencer หรือบรรดาผู้หิว(โซ)แสงทั้งหลายที่พากันตบเท้าเข้าไปทำข่าวเกาะกระแสความเคลื่อนไหวของ "ลุงพล-ป้าแต๋น แห่งบ้านกกกอก" ในอดีตเหลือกำลัง ปั่นกระแสกันจนกลายเป็นฮีโร่จนเกือบจะได้มาร่วมกู้ชาติกันอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่โดนศาลพิพากษาว่ามีความผิดในคดี "น้องชมพู่" เสียก่อน
บรรดา Influencer ที่มาแต่ละคน แต่ละชุดที่อ้างมาให้กำลังใจทหารในแนวหน้า ทั้งร้องรำทำเพลง ร้องเพลงชาติ เพลงแผ่นดินไทย พ่อกูอยู่ปู่กูตายอะไรเหล่านั้น พูดก็พูดเถอะล้วนแต่ทำแบบ "ฉาบฉวย" ทั้งสิ้น!
มาแหกปากร้องแรกแหกกระเชอเกาะอยู่ริมรั้วจุดตรวจบนถนนศรีเพ็ญ ที่ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ขัดแย้งจริงๆ 600-700 เมตรได้ โดยที่ยังไม่มีมวลชนหรือม็อบกลุ่มไหนได้รับอนุญาตให้ข้ามไปจัดกิจกรรมหรือไปแสดงสัญลักษณ์ทวงคืนผืนแผ่นดินบริเวณที่เป็นจุดปะทะหรือจุดที่เป็นปัญหาที่ว่าแม้แต่น้อย
ทุกมวลชนที่ตั้งแท่นตั้งท่าขึงขังจะเอาเป็นเอาตายกับฝั่งกัมพูชานั้น ก็ไม่เห็นจะมีชุดไหนได้รับอนุญาตให้ข้ามเข้าไปยังพื้นที่จุดที่เป็นปมปัญหา หรือจุดที่มีมวลชนกัมพูชารวมตัวกันประท้วงไทยอยู่แม้แต่น้อย

แม้แต่มวลชนที่ นายวีระ สมความคิด ที่ตีปี๊บจะลงไปรุกไล่เขมรออกจากพื้นที่ด้วยตนเองนั่น ที่สุดก็จะมาร้องแรกแหกกระเชออยู่ในแนวรั้ว จุดตรวจบนถนนศรีเพ็ญข้างบ้าน "ป้ารัตน์-กำนันลี" นั่นแหล่ะ
แหกปากร้องรำทำเพลงกันหนำใจได้ "ยอดไลค์" สมใจอยากแล้วก็กลับ!
ก็หากจะทำกันแบบนี้ขอร้องเถอะ!
พวกท่าน ช่วยกรุณาไปรวมพลังแสดงพลังกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือท้องสนามหลวงแทนจะได้ไหม ไม่ต้องถ่อมาแสดงพลังกันถึงพื้นที่บ้านหนองจาน หรือหนองหญ้าปล้องหรอกครับ
เพราะสิ่งที่พวกท่านทิ้งไว้ให้กับผู้คนในพื้นที่แห่งนี้คืออะไรรู้ไหม?
คือ.. "รอยแผล" แห่งความขัดแย้งของคนสองฟากฝั่งที่เคยเป็นเพื่อน เป็นญาติพี่น้องกันมานาน 30-40 ปี ที่จากนี้ไปมันคือ "รอยแผลแห่งความเกลียดชัง" รอยแผลแห่งความขัดแย้งที่ยากจะประสานกลับมาคืนดีกันได้อีก
สิ่งเหล่านี้ผู้คนสองฟากฝั่งไม่ได้สร้างขึ้นมา และแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่ล้วนมาจากกิจกรรมที่บรรดา Influencer ทั้งหลายร่วมกันสร้างขึ้น มาทำกิจกรรม ร้องแรกแหกกระเชอ ร้องรำทำเพลงเอา "ยอดไลค์" สมใจอยากแล้วก็กลับไป

และก็ฝาก "กัน จอมพลัง" หรือ วีระ สมความคิด ลองกลับไปศึกษาบทเรียนกรณี "จอห์นนี่ มือปราบ" ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐ การใช้กฏบัดกฏหมายกลั่นแกล้งประชาชนหาเช้ากินค่ำจนนึกว่าตนเองคือกฏหมายคือความยุติธรรม ก่อนจะถูกแจ้งความดำเนินคดีเป็นบัญชีหางว่าวทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนให้ท่านกลับไปคิดอ่านให้จงดีว่าบทบาทที่แท้จริงของตนเองคืออะไร?
ความรักชาติ รักผืนแผ่นดินที่จะไม่ยอมให้ใครรุกลานกับความจำเป็นของรัฐที่ต้องใช้มาตรการจัดการกับปัญหาอย่างรอบคอบค่อยเป็นค่อยไป ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันที่จะมีขึ้นในอนาคตที่ต้องแยกแยะกันให้ออก
ไม่ใช่เอะอะก็คิดแต่จะสังสร้างกิจกรรมระดมพลังจะสร้างรั้วกำแพงเพื่อความสะใจที่ได้ "สั่งสอน" กัมพูชา โดยไม่ดูดำดูดีเลยว่า หลังจากนี้ไปอีก 50 หรือ 100 ปี ชุมชนสองฟากฝั่งจะมองหน้ากันอย่างไรต่อไป
อีกอย่างที่อยากฝาก "กัน จอมพลัง" และประชาชนคนไทยไปคิด ก็คือ กฏหมายที่ดินของไทยเองก็บัญญัติรองรับการ "ครอบครองปรปักษ์" ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของที่ดิน ไม่ว่าจะถือเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน นส.3 ก. หรือใบแจ้งครอบครอบ สค.1 ฯลฯ หากที่ทางเหล่านี้ถูกบุคคลอื่นยึดถือครอบครองโดยปรปักษ์อย่างสงบ เปิดเผยและมีเจตนารมณ์ที่จะยึดถือครอบครองแล้ว
แค่ 5 ปี 10 ปี ก็มีสิทธิ์ยึดถือครอบครองโดยถาวรได้แล้วจริงไม่จริง!!!
แถมยังมีกรณีที่ดินหลวงรถไฟ "เขากระโดง" อีกกว่า 5 พันไร่ที่เป็น "ทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน" ที่วันดีคืนดีก็ถูกนักการเมือง นักการเมืองท้องถิ่น และพ่อค้าประชาชนคนไทยด้วยกันยึดถือครอบครองเอามาเป็นสมบัติส่วนตัว ด้วยข้ออ้างทำมาหากินอยู่บนผืนแผ่นดินแห่งนี้มาแต่อ้อนแต่ออกแล้ว จะเป็นที่หลวงรถไฟได้อย่างไร

และพอการรถไฟฯ ทวงคืนที่ดินเหล่านี้ ก็ดาหน้ากันออกมาสวนกลับยืนยันนั่งยันว่า เป็นที่ดินของกูใครหน้าไหนก็อย่าได้สะเออะมาทวงคืน ขนาดผู้ว่ารถไฟฯ ยัง "โดนเด้ง" ถีบพ้นการรถไฟฯ โทษฐานคิดจะมาทวงคืนที่ดินหลวงรถไฟเขากระโดง!
นั่นก็ไม่เห็นจะมีคนไทยรักชาติ รักผืนแผ่นดินจะเป็นจะตายออกหน้าลุกมาทวงสมบัติของแผ่นดินกลับคืนมาแม้แต่น้อย
แล้วชาวเขมรที่เกิดมาในชุมชนที่กำลังมีข้อพิพาทเหล่านี้จะไม่รักและหวงแหนผืนแผ่นดินเกิดของตนได้อย่างไร เขาก็อยู่ของเขามาเป็นทศวรรษ หรือหลายทศวรรษมาแล้ว โดยไม่เคยรู้เลยว่า "นั่นคือผืนแผ่นดินของไทย"
แต่วันนี้เมื่อ "รู้แล้ว" ว่าเป็นผืนแผ่นดินไทย มีหลักเขตยันกันมาเป็น 100 ปีแบบนี้ การจะดำเนินการผลักดันให้ออกไปอย่างไร มันควรต้องใช้วิธีการเจรจาอย่างค่อยเป็นค่อยไป หาวิธีผลักดันอย่างเหมาะสมรักษาความสัมพันธ์ดีต่อกันในภายภาคหน้า หรือจะใช้วิธี "หักด้ามพร้าด้วยเข่า" อย่างที่บรรดาท่านๆ ทั้งหลายกำลังประโคมกันอยู่เวลานี้
เพราะสุดท้ายแล้ว เราคงต้องมาตั้งคำถาม มันมีด้วยหรือที่ทะเลาะกับเพื่อนบ้านจนถึงขั้นตีรันฟันแทงกันหัวร้างข้างแตก หรือไม่ก็ต้องซัดกันให้หมอบไปข้างเสร็จแล้วยังคิดว่าในอนาคตจะหวนกลับมาคืนดีกันได้อีก!
แก่งหิน เพิง