
ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจ่อฟ้องประธาน กสทช. ต่อศาลปกครอง หลังดองเค็มโรดแม็พทีวีดิจิทัล มาตรการกำกับดูแลบริการ OTT จี้ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หวั่นเกิดสุญญากาศทำสแกมเมอร์แพร่กระจาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ในการประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมยังคงไม่มีการพิจารณาโร้ดแม็พกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2569-2573 และมาตรการกำกับดูแลบริการ OTT ขึ้นมาพิจารณา เนื่องจากประธาน กสทช. ยังคงไม่อนุมัติให้มีการบรรจุวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุม แม้กรรมการ กสทช. ทั้ง นางสาวพิรงรอง รามสูต และ นายธนพันธุ์ หร่ายเจริญ จะพยายามทวงถามถึงความคืบหน้ากลางที่ประชุม แต่ได้รับคำตอบเพียงว่า “ให้พิจารณาในครั้งหน้า” ก่อนประธานจะปิดประชุมไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ด กสทช. วันนี้ได้อนุมัติผังรายการวิทยุ และโทรทัศน์ประจำปี 2569 ให้ผู้ประกอบการวิทยุและโทรทัศน์ตามที่เสนอมา พร้อมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด
ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ได้ออกมาเรียกร้องและทวงถามถึงโร้ดแม็พทีวีดิจิทัล และมาตรการกำกับดูแลบริการ OTT ดังกล่าว เนื่องจากมีความล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว จนหวั่นเกรงว่า จะก่อให้เกิดสุญญากาศในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล เนื่องจากใบอนุญาต 2 ส่วนกำลังจะหมดอายุลงในระยะเวลาอันใกล้ โดยในปี 2571 ใบอนุญาตโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (MUX) จะสิ้นสุดลง ขณะที่ใบอนุญาตช่องรายการทีวีดิจิทัลทั้งหมดจะหมดอายุลงในปี 2572 หากไม่มีโรดแม็พทีวีดิจิทัลออกมา ผู้ประกอบการไม่สามารถวางแผนการลงทุนหรือบริหารผังรายการได้

ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาประธาน กสทช. ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยอ้างว่า กสทช. ไม่มีอำนาจกำกับดูแลบริการ OTT เพราะกฎหมายจัดตั้ง กสทช. (พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ) ระบุว่า หน้าที่ของ กสทช. คือการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แต่บริการ OTT ไม่ใช่ “การแพร่ภาพและกระจายเสียง” แบบเข้าถึงทุกคนพร้อมกัน แต่เป็นลักษณะการนำเสนอคอนเทนต์แบบ “Narrowcasting” คือผู้ใช้เลือกเนื้อหาด้วยตนเองผ่านอัลกอริทึม จึงแตกต่างจากการแพร่ภาพกระจายเสียงแบบดั้งเดิมที่เน้นการส่งเนื้อหาไปยังผู้ชมในวงกว้าง ทั้งที่เรื่องดังกล่าว กสทช. ได้มีการพิจารณาจนเป็นที่ยุติไปแล้วว่า อยู่ในอำนาจมาโดยตลอดและมีการศึกษาแนวทางการกำกับดูแลจนครบถ้วนสมบูรณ์ไปแล้ว
"การดองวาระดังกล่าวกำลังสร้างความเสียหายเชิงระบบ ทั้งต่อผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ไม่สามารถวางแผนธุรกิจและการลงทุนได้ ต่อความต่อเนื่องของโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดิน และต่อประชาชนเนื่องจากการไม่มีแนวทางกำกับ OTT ทำให้เกิดสุญญากาศด้านการกำกับดูแล เปิดช่องให้ปัญหาหลอกลวงออนไลน์และสแกมเมอร์แพร่กระจาย โดยไม่สามารถจับมือใครดมได้ ต้องอาศัยกฎหมายจากหน่วยงานที่มีอยู่อย่างจำกัด"

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระบุว่า แนวทางการฟ้องจะอาศัย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งให้อำนาจศาลปกครองพิจารณาคดีที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งตามอำนาจ มาตรา 72 ให้ผู้ถูกฟ้องดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ กสททช. ต้องวางนโยบายและกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและเทคโนโลยี โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ใบอนุญาตโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินจะสิ้นสุดในปี 2571 และ ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจะสิ้นสุดในปี 2572
#กสทช #ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล