
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงใส่ร้ายป้ายสี โดยถูกบิดเบือนว่าพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย ประเทศกัมพูชานั้น
กระผม นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่า พัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋น ฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมายกัมพูชา จึงขอเรียนการชี้แจง ดังนี้
1. ประวัติและภูมิหลังการทำงาน
กระผม นายวรภัค ธันยาวงษ์ มีประสบการณ์ในแวดวงการเงินและธนาคารมากกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในคนไทยที่ได้รับโอกาสและความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of America (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ J.P. Morgan Chase (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (จนถึงปี 2559)
ต่อมาภายหลังจากเกษียณจากงานประจำตอนอายุ 52 ปี กระผมได้อุทิศตนทำงานด้านองค์ความรู้ เขียนบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงินการธนาคาร มาอย่างต่อเนื่องหลายปี และได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก
ในปี พ.ศ. 2567 กระผมได้รับเกียรติแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของท่านรองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร) และต่อมาในปี พ.ศ. 2568 กระผมได้รับเกียรติให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ โดยที่กระผมไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมืองแต่อย่างใด มีเพียงความมุ่งมั่นในการใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติโดยรวมเป็นสำคัญเท่าที่จะทำได้

2. ข้อเท็จจริงกรณีการพาดพิงผมกับ “Cambodian scammers” การฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเผยแพร่ ข่าวใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนข้อเท็จจริง ที่พยายามเชื่อมโยงชื่อของกระผมกับเครือข่ายที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการ Cambodian scammers ในการนี้ กระผมขอชี้แจง โดยมีข้อเท็จจริง ดังนี้..
2.1) ข้อกล่าวหาเรื่องความเกี่ยวข้องกับขบวนการ หลอกลวงต้มตุ๋นหรือที่เรียกว่า scammers ในประเทศกัมพูชานั้น กระผมไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในประเทศกัมพูชาหรือประเทศอื่นใดทั้งสิ้น สำหรับกรณีที่มีความพยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank Cambodia ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น กระผมไม่อาจทราบได้ และคงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กระผมไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมายและจะไม่ปกป้องผู้ที่ทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
โดยส่วนตัวที่เคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารนี้ ชื่อ Mr. Leak Yim แต่กระผมไม่เคยเป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใด ๆ ของ BIC Bank Cambodia และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใด ๆ ซึ่งการที่มีการนำรูปของกระผมและชื่อไปลงเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารนั้น กระผมไม่เคยรับทราบมาก่อน
ส่วน Mr. Benjamin Mauerberger นั้น กระผมได้รู้จักกับ Mr. Benjamin เนื่องจากลูกของกระผมเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่กระผมก็ไม่เคยทราบลึก ๆ ว่า Mr. Benjamin ประกอบธุรกิจอะไรอย่างไรหรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับ Mr. Leak Yim เพราะกระผมกับ Mr. Benjamin เป็นผู้ปกครองนักเรียนวัยเดียวกัน ชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

2.2) ข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa
ในปี พ.ศ. 2564 กระผมได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า management buy out อีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ (คือกระผมและคุณช่วงชัย) เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสมเพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโตและมีกำไรสูงขึ้นเพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้นในอนาคต และมีผู้สนับสนุนทางการเงิน อาทิ ธนาคารหรือกองทุนที่มองเห็นว่าหุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพงและมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตคุ้มกับความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งธุรกรรมการกู้เงินมาซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นี้เป็นเรื่องปกติถ้าธนาคารหรือผู้กู้เข้าใจมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น 29% ที่กระผมและคุณช่วงชัยซื้อมา ถือว่าเป็น controlling stake ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด (Market share) ขณะนั้นเป็นอันดับสองของประเทศไทย รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่าที่เป็นวานิชธนกิจอันดับต้นต้นของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกระผมและคุณช่วงชัย (CEO) ซื้อหุ้นผ่านบริษัท Pilgrim Finansa (ถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 60 : 40) และทำ Mandatory Tender Offer ตามกฎหมายในการซื้อหุ้นในครั้งนั้น กระผมได้รับวงเงินสนับสนุน สองส่วน คือส่วนที่ซื้อหุ้นและส่วนที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ซึ่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment (CAI เป็นบริษัทจัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ MAS ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล Singapore)
และส่วนที่สอง จาก BIC Bank Lao (ซึ่งเป็นธนาคารที่ถือหุ้น 70% โดยกลุ่มธุรกิจชาวลาว ชื่อ “Asia Investment and Financial Services Sole Co., Ltd.” และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว) เพื่อเตรียมการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้ วงเงินจาก BIC Laos เป็น standby facility เพื่อทำ tender แต่เนื่องจากไม่มีผู้มาขายใน tender จึงไม่มีการใช้วงเงินนี้ BIC Bank Lao และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรจากในอดีตถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นกระผมไม่ทราบ กระผมทราบแต่เพียงว่าในปัจจุบันนั้น ความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ดำเนินกิจการมานานแล้วเป็นธุรกิจธนาคารที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Mr. Yim Leak 1%
หลังจากกระผมและคุณช่วงชัยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ในปี พ.ศ. 2564 กระผมและคุณช่วงชัยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทโดยจ้าง McKinsey & Co. เป็นที่ปรึกษาเพื่อทำ Digital Transformation พัฒนาให้เป็นองค์กรดิจิตัล แต่การปรับปรุงองค์กรไม่เร็วอย่างที่กระผมคาด จนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2567 กระผมได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดให้กับคุณช่วงชัย หุ้นส่วนเดิมของกระผม และลาออกจากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่งในบริษัท หลังจากนั้นกระผมไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ในการถือหุ้นหรือในการบริหารบริษัท Finansia อีกส่วนคุณช่วงชัยขายหุ้นให้ใครหรือมีการเพิ่มทุนอีกหรือไม่ ผมเองก็ไม่ได้ติดตามข่าว ซึ่งการที่บุคคลใดจะนำชื่อของผมในอดีตไปเชื่อมโยงกับบุคคลหรือเครือข่ายใดในภายหลัง ดังนั้น การคาดเดากล่าวอ้างหรือกล่าวเท็จเรื่องในความคิดตัวเองว่ากระผมเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการ scammer ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ ขบวนการใส่ร้ายป้ายสีกระผมล่าสุด ยังได้เหิมเกริม ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จกับภรรยาของกระผม ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
กระผมขอยืนยันว่าภรรยาของกระผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดๆ ทั้งสิ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย

3. จุดยืนส่วนตัวและทางการเมือง กระผมปฏิเสธข้อกล่าวหา ใส่ร้าย ป้ายสี ทั้งหมดอย่างชัดเจนว่า ไม่เคย มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับ Cambodian scammers หรือกระบวนการต้มตุ๋น หลอกลวง ธุรกิจผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น
กระผม มีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ มาตลอด 30 ปีในแวดวงการเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติและองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และปัจจุบันทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผมมากกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งในปัจจุบัน จะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร
4. การดำเนินการต่อ
4.1 กระผมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้ผมเสียชื่อเสียง
4.2 กระผมเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและจะยืนหยัดในความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย
5. คำยืนยัน
“กระผมไม่เคยและจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติใด ๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผมอยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม”