เว็บฯพนันออนไลน์ดูดเงินนักเล่น บ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจไทย
บ่อนพนัน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จัดเป็นตัวการสำคัญที่ดูด “เงินสด” ออกจากระบบเศรษฐกิจของไทย จนเกิดภาวะ “ขาดสภาพคล่อง” ในประเทศ เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้ว...สังคมไทยยังจะหาทางออกกันได้หรือไม่?
ขึ้นชื่อว่า...การพนัน เรื่องที่จะ “ตรงไปตรงมา” นัยว่า...“1+1 = 2” เป็นไม่มี!
โกงได้...โกง! เอาเปรียบได้…เอาเปรียบ! ทั้งเจ้ามือ และนักเลง “ผีพนัน” ชั้นเซียน ต่างก็มองหากลวิธีและสร้างกลยุทธ์ นำไปสู่ “จุดได้เปรียบ” เพื่อให้เหนือกว่านักเล่นได้-เสียคนอื่นๆ อยู่เสมอ เหนือชั้นจน “จับไม่ได้...ไล่ไม่ทัน” มากเท่าใด? โอกาสจะตักตวงผลกำไรจากวงพนัน ก็ย่อมมีสูง! และกวาดเม็ดเงินออกมาได้เป็นจำนวนมากเท่านั้น
ข้อมูลที่นักวิชาการ ทั้ง “เจ้าเก่า-รายเดิม” อย่าง “สังศิต พิริยะรังสรรค์” คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เคยพูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับบ่อนพนันถูกกฎหมายเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ประมาณว่า...”หากไทยเปิดบ่อนพนัน โดยอิงรูปแบบและต่อยอดจากที่รัฐบาลสิงคโปร์ทำเมื่อปี 2552 หรือเมื่อ 10 ปีแล้ว ตัวเลขรายได้ที่จะมีในช่วงเวลา 4 ก่อนหน้านี้ จะอยู่ราวๆ 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับที่คนไทยนำเงินออกไปเล่นได้-เสีย (ส่วนใหญ่เสีย) สูงถึงปีละ 4 แสนล้านบาท”
จนถึงปัจจุบัน บ่อนพนันถูกกฎหมาย...ไม่ได้จำกัดวงเงินอยู่แค่เท่าเดิม ขณะที่รูปแบบการพนันใหม่ๆ ที่ผันตัวตามเทคโนโลยี ดิจิทัล อย่าง...บ่อนพนันออนไลน์ ที่เข้าถึงผู้คนอย่างกว้างขวางไร้ขอบเขต และเข้าถึงได้ทุกเวลานาที และได้ทุกวันตลอด 24 ชม.
ไม่ใช่แค่เม็ดเงินที่นักเลง “ผีพนัน” ชาวไทย ขนออกไปจ่ายให้กับบ่อนพนัน ทั้งกลุ่มออฟไลน์ และออนไลน์ จำกัดอยู่เท่าเดิมที่ปีละ 4 แสนล้านบาทเท่านั้น แต่สูงและมากกว่านั้นเยอะ!
ล่าสุด “ธนวรรธน์ พลวิชัย” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และรองอธิการบดีฝ่ายอาวุโสวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ่อนพนันผิดกฎหมาย ทั้ง 2 กลุ่ม ในฐานะที่เป็น...กรรมการบอร์ดสลากกินแบ่งรัฐบาล และยังเป็น “โฆษก” ของบอร์ดชุดนี้ ระหว่างนั่งแถลงข่าว “โยนก้อนหินถาม” เรื่อง...หวยรูปแบบใหม่ “สลาก 12 นักษัตร” เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ข้อมูลที่ว่าก็คือ...
เฉพาะตัวเลขที่คนไทยเล่นพนัน “หวยใต้ดิน” ในรอบ 10 ปี พบว่ามี...ยอดการเล่นได้-เสียมากถึง 5 แสนล้านบาท
ก่อนหน้านั้น ก็เป็นเขาที่เปิดเผยผลสำรวจและวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทยในช่วงฟุตบอลโลก 2018 หรือเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ครั้งนั้น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า...จะมีเม็ดเงินจากกระเป๋าคนไทย เข้าไปสัมพันธ์กับการจ่ายในช่วงฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ไม่น้อยกว่า 78,385 ล้านบาท แม้ตัวเลขจะต่ำกว่าฟุตบอลโลกปี 2514 ที่มีเงินสะพัดถึง 95,154 ล้านบาท นั่นเพราะสภาพเศรษฐกิจ ยุค “รัฐบาลลุงตู่สมัยแรก” ตกต่ำและถดถอยอย่างต่อเนื่อง
และในจำนวนเงิน 78,385 ล้านบาทนั้น พบว่า เป็นเงินที่ใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพียง 17,901 ล้านบาท ที่เหลือส่วนใหญ่ สูงถึง 58,995 ล้านบาท อยู่นอกระบบเศรษฐกิจ หรือเป็นการพนันได้-เสียกันนั่นเอง
แล้วหากจะให้ประเมินเม็ดเงินที่คนไทยเข้าไปเล่นได้-เสียกับบ่อนพนัน ทั้งในรูปแบบบ่อนคาสิโนในต่างประเทศ และบ่อนพนันออนไลน์ ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วและน่ากลัวมากๆ แล้ว มีการประเมินกันว่า...แม้เศรษฐกิจไทยจะไม่สู้ดีนัก กระทั่ง รายได้ที่กักเก็บอยู่ในกระเป๋าเงินของคนไทยมีและเหลือน้อยลง แต่ทว่าตัวเงินที่ถูกนำไปใช้เพื่อการเล่นพนันได้-เสีย ทั้งในบ่อนคาสิโนของต่างชาติ บ่อนวิ่งในประเทศ หวยเถื่อน โต๊ะพนันฟุตบอลเถื่อน รวมถึงบ่อนพนันออนไลน์ แล้วล่ะก็
5 แสนล้านบาทต่อปี...คงไม่หนีไปจากนี้
เม็ดเงินที่ว่านี้...จัดว่าสูงแล้ว และส่งผลต่อกระทบเชิงลบต่อโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของไทยแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่น่ากลัวและสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของไทยได้เท่ากับข้อมูลที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ออกมาเปิดเผยเมื่อ 2-3 วันก่อน
เรื่องนี้ ได้รับการ “คอนเฟิร์ม” จาก นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาระบุว่า..
แบงก์ชาติได้รับรายงานจากศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ThaiCERT) และศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยภาคการธนาคาร (TB-CERT) ที่ระบุว่า ขณะนี้ พบปัญหาใหญ่ทางการเงิน นั่นคือ มีการรั่วไหลของฐานข้อมูลการเงินของเจ้าของบัญชีชาวไทย ไปเข้าสู่เว็บไซต์พนันในต่างประเทศ (Gambling Website) หลังจากนักพนันชาวไทยได้เข้าไปใช้งาน แล้วเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินให้กับธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านั้น
ทั้งนี้ จากการติดตามและประสานกับ ThaiCERT และ TB-CERT อย่างใกล้ชิด พบว่า...ขณะนี้ ทั้งสองหน่วยงานอยู่ระหว่างติดตามวิเคราะห์ข้อมูลและการดำเนินการกับข้อมูลที่รั่วไหล และ TB-CERT ได้แจ้งเตือนธนาคารสมาชิก ถึงช่องโหว่บนเว็บไซต์พนันนั้นแล้ว เพื่อให้สมาชิกเฝ้าระวังธุรกรรมที่ผิดปกติให้เข้มงวดขึ้น
ผู้บริหารแบงก์ชาติย้ำว่า...แม้ปัญหาจะไม่ได้เกิดจากช่องโหว่ของระบบธนาคาร แต่การรั่วไหลของข้อมูล ที่เป็นข้อมูลที่ลูกค้าธนาคารให้ไว้กับเว็บไซต์พนันต่างประเทศ ก็เป็นความเสี่ยงของระบบธนาคารไทยเช่นกัน
ดังนั้น แบงก์ชาติจึงขอประกาศให้ประชาชนคนไทย หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงินกับเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงสูง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าที่ได้ให้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินกับเว็บไซต์พนันดังกล่าวไปแล้ว เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและความเสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูล จึงควรระมัดระวังและเร่งดูแลความปลอดภัย ตามคำแนะนำของแบงก์ชาติ ดังต่อไปนี้...
1. เปลี่ยน password ในการเข้าใช้ Internet Banking และ Mobile Banking ที่ใช้บริการ
2. หากได้ให้ข้อมูลบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตไว้กับเว็บไซต์พนันดังกล่าว ควรแจ้งยกเลิกบัตรกับธนาคารเจ้าของบัตรและจัดทำบัตรใหม่
3. ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจติดต่อโดยใช้ข้อมูลที่รั่วไหล โทรศัพท์ ส่งเมล (Phishing mail) หรือเข้ามาหลอกลวงขอข้อมูลเพิ่มเพื่อนำไปใช้ในการทำทุจริต
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ย้ำว่า หากประชาชนต้องการทราบหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงหากพบความผิดปกติของการทำธุรกรรมทางการเงินแล้ว ให้รีบแจ้งและตรวจสอบกับธนาคารเจ้าของบัญชี หรือธนาคารเจ้าของบัตรโดยเร็ว
ทั้งนี้ แบงก์ชาติ พร้อมจะติดตามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และดูแลให้สถาบันการเงินติดตามสถานการณ์ด้านลูกค้าและเตรียมพร้อมดำเนินมาตรการที่สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้ เช่น การตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ การช่วยเหลือดูแลความปลอดภัย ตลอดจนการเตรียมการของ call center ในการตอบข้อซักถามของลูกค้า ต่อไป
ฟังจากผู้บริหารแบงก์ชาติรายได้นี้แล้ว ทำให้รู้ว่า...รูปแบบการโกงของ “เซียนพนัน” มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ความน่ากลัวและความรุนแรงเกิดขึ้นในลักษณะเชิงลึก ตามขีดขั้นแห่งพัฒนาการของดิจิทัล เทคโนโลยี
ไม่เพียงเม็ดเงินจากการเล่นพนันได้-เสีย ผ่านระบบออฟไลน์และออนไลน์ ปีละกว่า 5 แสนล้านบาท หากยังมีการ “ดูดข้อมูลทางการเงิน” ของนักพนันที่หลวมตัว...ส่งไปให้กับ “แก๊งดูดเงินข้ามโลก” ตามมาอีก
เพิ่มน้ำหนักความรุนแรงให้มากขึ้น!
ลองคิดดู หาก “เซียนไฮเทค” เครือข่ายบ่อนพนัก เข้าถึงบัญชีการเงินและข้อมูลทางการเงินของนักเล่นได้-เสีย ซึ่งส่วนใหญ่ก็พอจะมีฐานะในระดับหนึ่ง กระทั่งชอนไช..เจาะลึกไปยังฐานข้อมูลการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยได้ แล้วมันจะเกิดขึ้นอะไรขึ้นตามมา!!??
มั่นใจและแน่ใจได้อย่างไรว่า...ทั้ง แบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวมถึง ThaiCERT และ TB-CERT จะปกป้องตัวเองจาก “เซียนไฮเทคระดับโลก” ได้
แม้จะทำได้เป็นส่วนใหญ่ และแค่ส่วนน้อยที่ป้องกันไม่ได้ ที่สุด! จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบเศรษฐกิจไทย และปัญหาสังคมไทยที่จะมีตามมา ในเมื่อสภาพคล่องในระบบ ซึ่งก็หมายถึง “เงินสด” ที่เคยหมุนเวียนอยู่ในประเทศ กลับต้องถูกดูดซับออกไป จากสิ่งที่เรียกว่า “บ่อนพนัน”
ไม่ว่าจะในรูปแบบของบ่อนพนันที่รายล้อมอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนนับร้อยๆ บ่อน ซึ่งผู้คนยุคนี้ มักเรียกติดปากว่า “บ่อนพนันออฟไลน์” คือ มีตัวตน มีสถานที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง
หรือแม้แต่ “บ่อนพนันออนไลน์” ที่ส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในต่างประเทศ ไม่ว่าในฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แม้กระทั่ง เพื่อนบ้านใกล้เคียงใน CLMV
รู้กันถึงขนาดนี้แล้ว รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังจะตั้งรับกันอยู่อย่างนี้ หรือจะเปิดรุกไปข้างหน้า ก็ว่ามา...!!!