
สภาผู้บริโภคออกโรงเตือน “ภัยจากโจรออนไลน์” ชี้รับสายครั้งเดียว ตกเป็นหนี้ไม่รู้ตัว โดนบัตรเครดิตฟ้องสองแสน แค่รับสายจากเบอร์ไม่รู้จัก ชีวิตที่เคยปกติก็พังลงในพริบตา จากผู้เสียหายมิจฉาชีพ กลับกลายเป็นจำเลยในคดีหนี้บัตรเครดิตในพริบตา เรื่องจริงของผู้บริโภคที่เกือบหมดทางสู้ ก่อนจะพบความยุติธรรม หลังจากร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาผู้บริโภค ระบุว่า เช้าวันหนึ่งที่ควรจะเป็นวันธรรมดาเหมือนทุกวัน แต่กลับกลายเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตของ “คุณพล” ไปตลอดกาล เมื่อทุกอย่างเริ่มต้นจาก “เบอร์โทรแปลกๆ” ที่ปลายสายอ้างว่าโทรมาจากกรมบัญชีกลาง แจ้งว่ามีเอกสารเกี่ยวกับบำนาญของเขาถูกส่งไปที่บ้าน แต่ไม่มีคนเซ็นรับ และหากไม่รีบปรับปรุงข้อมูล “อาจมีปัญหาตามมา” เป็นคำขู่ที่ทำให้คุณพลรู้สึกตื่นตระหนก โดยไม่คิดว่ากำลังจะตกเข้าสู่วังวนของมิจฉาชีพ
เมื่อคุณพลบอกว่า ไม่สะดวกเดินทางไปติดต่อด้วยตัวเอง ปลายสายก็เสนอทางเลือกใหม่ ให้ทำผ่านระบบออนไลน์ได้เลย จากนั้นเรื่องก็เริ่มเดินหน้าเป็นไปตามแผนของมิจฉาชีพ
มิจฉาชีพให้เขาเพิ่มบัญชีไลน์ จากนั้นส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปฯ ที่อ้างว่าเป็นของกรมบัญชีกลาง หน้าตาของแอปฯ ดูน่าเชื่อถือมาก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปิดใช้งานกลับพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวของเขา ทั้ง ชื่อ อายุ ที่อยู่ แสดงขึ้นอย่างถูกต้อง ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าระบบนี้เป็นของจริง
จนกระทั่งถึงขั้นตอนสแกนใบหน้า หน้าจอค้างสนิทเป็นเวลานานผิดปกติ คุณพลเริ่มมีความกังวล จึงรีบคว้าโทรศัพท์อีกเครื่อง โทรหาเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขออายัดทุกบัญชี ก่อนจะรีบปิดเครื่องที่ติดตั้งแอปฯ ปริศนานั้นทันที
แต่ภัยที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้น ในวันถัดมา เมื่อคุณพลตรวจสอบบัญชีธนาคารอีกแห่ง เขาพบความผิดปกติ เมื่อมีการโอนเงินจากบัตรเครดิตของเขาเข้าบัญชีตัวเองกว่า 202,000 บาท และถูกถอนออกไปครั้งละ 49,999 บาท ถึง 4 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 199,996 บาท
เขารีบแจ้งธนาคาร ขอให้ตรวจสอบและคืนเงิน แต่สิ่งที่ได้รับกลับคือ มีหนังสือตอบกลับว่า “รายการธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจากท่านได้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ไม่ปลอดภัยบนเครื่องของท่าน จนเป็นเหตุให้มีการควบคุมมือถือของท่านจากทางไกลโดยมิจฉาชีพ บริษัทจึงไม่สามารถดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ บริษัทได้พิจารณาแนวทางบรรเทาความเสียหายให้แก่ท่าน โดยตกลงยินยอมให้ท่านสามารถผ่อนชำระคืนแบบไม่มีดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 10 เดือน”
ไม่เพียงไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่ธนาคารยังยื่นฟ้องเขาในเวลาต่อมา ผลักผู้เสียหายให้กลายเป็น “ผู้ก่อหนี้” โดยไม่ตั้งใจ
ในช่วงเวลานั้น คุณพลบอกว่า เหมือนโลกถล่มลงมาตรงหน้า ทั้งความเครียด ความกลัว และไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อ เขาแทบหมดหวัง จนกระทั่งตัดสินใจมาร้องเรียนกับสภาผู้บริโภค
หลังจากร้องเรียนเข้ามาที่สภาผู้บริโภค เรื่องราวเริ่มเปลี่ยนทิศทาง เมื่อสภาผู้บริโภคมอบหมายให้ทนายความช่วยต่อสู้คดีอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน ตรวจพยานหลักฐาน และต่อสู้กับธนาคารอย่างเป็นระบบ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้บริโภคอย่างคุณพลไม่ได้เป็นฝ่ายผิด สุดท้ายศาลมีคำตัดสินให้คุณพลไม่ต้องจ่ายหนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อ กลายเป็นอีกหนึ่งชัยชนะสำคัญของผู้บริโภค
หลังได้รับความยุติธรรม คุณพลเล่าว่า “ตอนนั้นผมรู้สึกมืดแปดด้านเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน จนได้เจอสภาผู้บริโภค ทุกคนช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อธิบายทุกขั้นตอน ดำเนินคดีอย่างรอบคอบ และให้กำลังใจ จนวันนี้ผมได้ความยุติธรรมกลับคืนมา” คุณพล กล่าว
เรื่องราวของคุณพลเป็นหนึ่งตัวอย่างของภัยไซเบอร์ยุคใหม่ ที่ไม่ได้หลอกเพียงเงินทอง แต่กระทบจิตใจและการดำรงชีวิตของคนจริง ๆ การป้องกันตัวเองสำคัญก็จริง แต่ระบบที่ควรปกป้องผู้บริโภคก็จำเป็นต้องเข้มแข็งไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคได้รับความเสียหาย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนมายังสภาผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.tcc.or.th/ หรือโทร 1502 ในวันเวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น.