กลับมาอยู่ในกระแสร้อนอีกครั้งสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในสิ้นปี 2562 นี้..
เพราะถือเรื่องใหญ่ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เฝ้ารอว่า ที่สุดแล้วรัฐบาลจะมีบทสรุปอย่างไร หลังจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้เสนอกองทุนใหม่เพื่อทดแทน นั่นคือ กองทุนหุ้นยั่งยืน (SEF)
สำหรับเม็ดเงินกองทุน LTF ที่มีอยู่ทั้งระบบปัจจุบันถือว่าไม่น้อย ข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) ล่าสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีกองทุน LTF ทั้งหมด 93 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ที่ 3.9 แสนล้านบาท
มีการคาดการณ์ต่างๆ นานา ถึงผลกระทบหลังจบโปรโมชั่น "กองทุน LTF" ที่ใช้มาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ว่า จะทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นมหาศาล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เม็ดเงินลงทุนใน LTF จะค่อยๆ ถูกทยอยขายออกมาในอีก 6-7 ปีข้างหน้า
แต่ไม่ใช่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ต่อหน่วย (NAV) ลดลงขณะที่อาจมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งไม่ขายออกมา และถือเงินลงทุนก้อนนั้นต่อไป
แต่ถ้าไม่มีกองทุนใหม่ที่สร้างแรงจูงใจลดหย่อนภาษีมาทดแทน ก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ไม่มีเข้ามาเติมในตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่มีกองทุน LTF ซึ่งจะมีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส โดย ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บอกว่า สิ่งที่ต้องจับตาและมองว่า เป็นความเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดหุ้นไทย นั่นคือ “ขณะนี้ในตลาดหุ้นมีเม็ดเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ แต่ยังไม่มีการขายออกอีกราว 1.8 แสนล้านบาท”
ดังนั้น หากนักลงทุนตัดสินใจขายออกหลังจากนี้อาจกระทบตลาดหุ้น “เพราะหากเม็ดเงินที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นหายไปทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ขนาดนั้นให้ปรับตัวลงราว 2 %”
ดังนั้น ”หากไม่มีการต่ออายุ LTF และไม่มีกองทุน SEF เข้ามาแทนเม็ดเงินที่เคยเข้าลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาทต่อปี จะกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นลดลงราว 6% หรือ ประมาณ 30 จุด”
บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์กรณีมีความชัดเจนว่า จะไม่มีการต่ออายุสิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน LTF และจะมีกองทุนรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “กองทุน SEF“ เข้ามาแทนที่..
ในเบื้องต้นประเมินว่า “จะมีเม็ดเงินที่เข้าซื้อกองทุน SEF เพียง 50% ของยอดซื้อกองทุน LTF ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท หรือราว 3.3 หมื่นล้านบาทต่อปี”
อย่างไรก็ตาม ปี 2563-2564 ไม่มีกองทุน LTF ที่ครบกำหนดขายได้ เนื่องจากมีการแก้เกณฑ์การถือครองจาก 5 ปี เป็น 7 ปี ทำให้นักลงทุนที่เริ่มซื้อปี 2559 จะสามารถขายได้ในปี 2565 ดังนั้น จึงไม่น่าจะซ้ำเติมภาวะตลาดมากนัก
สำหรับท่าทีของกระทรวงการคลังล่าสุด "อุตตม สาวนายน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาหมาด ๆว่า ได้สั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณารายละเอียดโดยอาจจะเปลี่ยนรูปแบบกองทุน LTF ไปสู่การส่งเสริมการออมระยะยาว โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย
ขณะที่มีกระแสข่าวว่า “กองทุนใหม่ที่จะมาทดแทนLTF มีแน่นอน” แต่กระทรวงการคลังขอออกแบบโมเดลกองทุนใหม่เอง
โดยอาจไม่ใช่โมเดลกองทุน SEF ตามที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเสนอ และคาดว่ากองทุนใหม่นี้คลอดแน่นอนอย่างเร็วก็ไม่เกินสิ้นเดือนตุลาคม 2562 นี้
บทสรุป..
กองทุนทดแทน LTF ควรมีเพื่อสร้างแรงใจการลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาว แต่ถึงเวลาที่กระทรวงการคลังต้องเคาะแล้ว หวังว่าไม่เจอโรคเลื่อนอีก..
เพราะนี่ก็ปลายปีแล้ว มนุษย์เงินเดือนจะได้วางแผนการลงทุนและวางแผนภาษีได้ถูก ที่สำคัญคือ จะให้ร้องเพลงรอกันอีกนานแค่ไหน
โมเดลกองทุน SEF มีดังนี้..
1. นโยบายลงทุน ลงทุนในหุ้นที่มีความยั่งยืน มีธรรมาภิบาล และลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) สัดส่วนการลงทุนประมาณ 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) เพื่อตอบโจทย์สร้างความยั่งยืนให้ตลาดทุนไทย
2. สิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 250,000 บาท เพื่อลดข้อครหาการเอื้อต่อกลุ่มผู้มีรายได้สูง (กอง LTF ปัจจุบันลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท)
3. กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำจะได้รับประโยชน์มากขึ้น โดยเพิ่มสิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเดิมไม่เกิน 15% เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี
4. ระยะเวลาถือครองกองทุน SEF อยู่ที่ 7 ปีปฏิทิน เท่ากับกองทุน LTF
โดย..ซิลลิ่ง