วงการสื่อสารโทรคมนาคมสุดกังขา เป็นงงกับมติบอร์ด กสทช. ฉวยโอกาสรื้อแผนจัดระเบียบเลขหมาย ปรับลดค่าธรรมเนียมเลขหมายมือถือให้ทุนยักษ์ไปดื้อๆ ฟาก กสท. มึนโดนหางเลขต้องจ่ายเพิ่มอื้อ ขณะเอกชนได้รับส่วนลดไปร่วม 105 ล้านหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเห็นชอบให้ทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรศัพท์ให้เป็นอัตราเดียว (Single Rate) สำหรับบริการโทรศัพท์ประจำที่ และเลขหมายโทรศัพท์มือถือ โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรศัพท์ประจำที่ในอัตรา 1 บาท/เลขหมาย/เดือน จากเดิม 2 บาท ขณะที่ค่าธรรมเนียมสำหรับบริการโทรศัพท์มือถือกำหนด 1.62 บาท/เลขหมาย/เดือน จากเดิมที่ผู้ให้บริการมือถือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแตกต่างกัน โดย กสทช. กำหนดให้ใช้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวชั่วคราว 2 ปีนั้นแหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ผลจากการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมเลขหมายดังกล่าว ยังผลให้ ในส่วนของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายเพิ่มขึ้นในทันที โดยแต่เดิมแคทมีเลขหมายรวม 3.74 ล้านเลขหมาย แยกเป็นเลขหมายจากระบบเดิม 2.3 ล้าน และเลขหมายใหม่ 1.4 ล้านเลขหมาย ซึ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 5.15 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1.38 บาทต่อเลขหมาย/เดือน แต่เมื่อ กสทช. กำหนดให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 1.62 บาท จึงทำให้แคทต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านบาท/เลขหมาย/เดือนขณะที่ในส่วนของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีเลขหมายรวม 7.14 ล้านเลขหมาย และต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 13 ล้านบาทเศษ/เดือนนั้น ผลจากการปรับปรุงค่าธรรมเนียมใหม่ทำให้สามารถลดภาระค่าธรรมเนียมลงเหลือ 11.5 ล้านบาท หรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายเฉลี่ยลดลงจาก 1.85 บาท/เลขหมาย/เดือนเหลือ 1.62บาท/เลขหมายต่อเดือนในส่วนของผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ค่าย คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ดีแทคที่แต่เดิมจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายไม่เท่ากัน เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นเลขหมายมาจากสัมปทานเดิมนั้น ผลจากการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า บริษัท เรียลมูฟ จำกัด ในกลุ่มทรูที่มีเลขหมายใหม่ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 2 บาทอยู่ถึง 50 ล้านเลขหมาย หรือกว่า 70% ของเลขหมายที่มีนั้น ได้รับอานิสงส์จาการปรับปรุงค่าธรรมเนียมครั้งนี้ โดยสามารถลดค่าธรรมเนียมจากที่ต้องจ่ายเดือนละกว่า 105 ล้านบาท เหลือ 88.5 ล้านบาท หรือจากที่ต้องจ่ายเลขหมายละ 1.93 บาท/เดือน เหลือ 1.62 บาท/เลขหมาย/เดือนส่วนค่ายเอไอเอสและดีแทค ที่ส่วนใหญ่มีเลขหมายที่รับโอนจากสัมปทานเดิมต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 1 บาท/เลขหมาย/เดือน อยู่ราว 60-70% นั้น ผลจากการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ จึงแทบไม่มีผลใดๆ โดยเอไอเอส ที่มีเลขหมาย 63.97 ล้านเลขหมายเป็นเลขหมายเดิม 22.7 ล้าน และเลขหมายใหม่ 41.2 ล้านเลขหมายนั้น ยังคงจ่ายค่าธรรมเนียมเฉลี่ยในอัตราเดิมหรือตกเดือนละ 105 ล้านบาท ขณะดีแทค ที่มีเลขหมายรวม 36.2 ล้านเลขหมาย ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 1.64 บาทต่อเลขหมาย/เดือน จึงแทบไม่ได้รับอานิสงส์ใดๆ จากการปรับปรุงค่าธรรมเนียมครั้งนี้ แหล่งข่าว กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใด กสทช.จึงยอมเฉือนเนื้อปรับลดค่าธรรมเนียมเลขหมายมือถือลง ทั้งที่เป็นรายได้หลักหนึ่งขององค์กร และที่ผ่านมาแม้จะมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเลขหมายแตกต่างกัน แต่ก็เป็นผลมาจากการโอนเลขหมายจากระบบสัมปทานเดิม ขณะที่การเปิดเบอร์ใหม่นั้นทุกค่ายต่างรู้อยู่แล้วว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายในอัตราใหม่ 2 บาท/เลขหมาย/เดือน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่การที่ กสทช. ยอมเฉือนเนื้อ สูญรายได้ไปกว่าปีละ 200 ล้านบาท จึงไม่แน่ใจว่าคุ้มค่าและประโยชน์ตกไปถึงประชาชนหรือไม่ เพราะการปรับลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้ส่งอานิสงส์ใด ๆ ไปถึงประชาชนแม้แต่น้อย แต่ทำให้ผู้ประกอบการบางค่ายได้ปรับลดค่าธรรมเนียมและมีรายได้มากขึ้นเท่านั้นขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า การปรับอัตราใหม่ให้เท่ากันในครั้งนี้ แม้จะทำให้ค่าธรรมเนียมหายไป 200 ล้านบาท แต่ในระยะยาวจะมีประโยชน์ในการบริหารจัดการการคิดค่าธรรมเนียม ไม่สับสนเวลามีการเปลี่ยนค่ายใหม่แต่เบอร์เดิมว่าต้องคิดอัตราไหน ที่สำคัญคือประชาชนต้องได้รับค่าโทรที่ถูกลงด้วย และในปี 2563-2564 เมื่ออัตราในการเก็บเท่าเทียมกันทุกค่าย ก็จะทำให้รายได้ของ กสทช. เพิ่มขึ้น“จากนี้จะนำอัตราค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมข้างต้นบรรจุใน (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรและบริหารเลขหมายโทรคมนาคม พร้อมทั้งเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง แผนเลขหมายโทรคมนาคม และ (ร่าง) ประกาศ กสทช เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรและบริหารเลขหมายโทรคมนาคม ก่อนนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะภายในเดือนตุลาคมนี้”