วงการโทรคมนาคมหวั่นผลพวงกระทรวงดีอีเอส ดั้นเมฆจับ 2 รสก.ทีโอที-แคทเทเลคอม ลุยไฟ 5จีประชารัฐจะสร้างภาระให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติในระยะยาว แค่คลื่นเก่าในมือยังไม่มีปัญญาลงทุน แนะเร่งเคลียร์หน้าเสื่อควบรวมกิจการหาที่ยืนองค์กรก่อนเทคโนโลยีเปลี่ยน
แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดประมูลคลื่น 5จี ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สามารถดึงเม็ดเงินรายได้เข้ารัฐกว่า 100,521 ล้านบาท ว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้การประชุมมีความเข้มข้นมาจากการที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) มีนโยบายให้ 2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประมูลด้วย
แม้ 2 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจทีโอที-แคทเทเลคอม จะได้คลื่น 5จีไปตามเป้าหมาย โดยแคทเทเลคอมนั้น กวาดคลื่น 700 MHz ไปได้ถึง 2 ชุด และทีโอทีได้คลื่น 26 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) ไป 2 ชุด 200 เมกะเฮิร์ตซ์เช่นกัน แต่คลื่นที่ 2 หน่วยงานได้ไป ก็ไม่มีหลักประกันที่จะทำให้ศักยภาพของสองรัฐวิสาหกิจลืมตาอ้าปาก หรือผงาดขึ้นมาเป็นธุรกิจโทรคมนาคมชั้นแถวหน้าแต่อย่างใด ตรงกันข้ามอาจเป็นดาบ 2 คมที่ทำให้สองหน่วยงานที่กำลังอยู่ในกระบวนการควบรวมกิจการต้องแบกภาระการถือครองคลื่นเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันทั้งทีโอที และแคทเทเลคอม ที่กำลังอยู่ในกระบวนการควบรวมกิจการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ซึ่งผลพวงจากการควบรวมกิจการจะทำให้ NT มีคลื่นในมือไม่น้อยกว่า 3 คลื่น คือ คลื่น 2100 , 2300 จากมือทีโอที และคลื่น 850 MHz จากแคทเทเลคอมที่สามารถจะให้บริการไปจนถึงปี 2568 อยู่แล้ว โดยไม่มีความจำเป็นจะต้องไปสะสมคลื่นใหม่ให้เป็นภาระอีก
ขนาดคลื่นที่ทั้งสององค์กรมีอยู่ ที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมประมูลสองหน่วยงานรัฐวิสาหกิจก็ยังไม่สามารถเอาไปทำมาหากินให้เป็นชิ้นเป็นอันได้ ต้องอาศัยการ “เซ็งลี้” ให้บริษัทสื่อสารเอกชนเช่าใช้ แต่คลื่นใหม่ที่ทั้งสองหน่วยงานได้มานั้น นอกจากจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนับหมื่นล้าน โดยแคทที่ได้คลื่น 700 ไป 2ชุด ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมถึง 34,300 กว่าล้านบาท ยังไม่รวมเม็ดเงินที่จะต้องกันไว้ลงทุนอีกนับหมื่นล้านบาท ซึ่งหากไม่สามารถนำคลื่นที่มีนี้ไปลงทุนทำตลาดให้เกิดรายได้ครอบคลุมเพียงพอได้ ก็จะกลายเป็นการสร้างภาระในระยะยาวให้แก่ทั้งสององค์กรในที่สุด
“เหนือสิ่งอื่นใด เป้าหมายของ รมต.กระทรวงดีอีเอส ที่ให้สองหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมประมูลคลื่น 5จี ออกมาให้ได้นั้น ก็แค่หวังจะเอาคลื่นที่ได้ไปให้บริการเชิงสังคม ให้บริการสาธารณะเป็นหลัก ซึ่งจุดนั้นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ จะบอกว่าเป็นการเตรียมตัวไว้รองรับหลังควบรวมและรองรับคลื่นเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2568 ก็ต้องย้อนถามกลับไปว่า แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ถึงเวลานั้นแล้วเทคโนโลยี 5จีนี้จะยังโลดแล่นอยู่ อย่าลืมว่าเวลานี้ผู้ผลิตเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังดิ้นแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย อย่าง “อีลอน มัสก์” ที่มีแผนจะให้บริการดาวเทียม SpaceX 4,000 ดวง เพื่อให้บริการฟรีไวไฟครอบคลุมไปทั้งโลก หรือ YouTube FB Google เอง ก็แข่งกันให้บริการแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ๆ ที่แทบจะเป็นของฟรีกันทั้งโลกแล้ว คลื่นที่สองหน่วยงานถือครองอยู่อาจจะกลายเป็นขยะที่ต้องแบกกันตายไปข้างในอนาคตอันใกล้”
ทั้งนี้ สิ่งที่สองรัฐวิสาหกิจและดีอีเอสควรดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ไม่เพียงเร่งแผนควบรวมกิจการ ที่ทำยังไงจะไม่ล้มเหลวไปอีก เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเอาแค่ชื่อจัดตั้งบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) จะเป็นบริษัทมหาชนหรือจำกัดยังยักแย่ยักยันกันมาจนวันนี้ ยังจะต้องหาเวทียืนให้กับตัวเองอะไรจะเป็นธุรกิจหลักเป็น Core business ทั้งในส่วนของบริษัททีโอที และ กสท โทรคมนาคม หรือบริษัท NT เพราะเมื่อ 5 จีเปิดให้บริการอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่มือถือธรรมดาๆ หรือสมาร์ทโฟนอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่มันจะเข้ามาแทนที่คน แทนที่ระบบต่างๆ ที่เราคุ้นเคยอยู่ จนถึงขนาดที่ผู้คนคาดการณ์กันว่า อนาคตแบงก์ โมเดิร์นเทรด หรือห้างสรรพสินค้าก็อาจกลายเป็นตำนาน แล้วสองหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ทั้งใหญ่ เทอะทะ อุ้ยอ้าย หวังจะหากินอยู่กับ 5จีประชารัฐ นั้นจะเหลืออะไร