
ตีขลุม! รวมก้อน “เงินกู้ 1 ล้านล้าน” แต่กับแผนใช้งบฟื้นฟู 4 แสนล้าน ออกจะเบลอๆ หาเจ้าภาพและแผนงานชัดเจนไม่ได้ ไม่แปลก! ที่ฝ่ายค้านตราหน้า “ตีเช็คเปล่า” ใส่ตัวเลขหลังผ่านสภาฯ จับตาภาวะ “ลอยตัว” เหนือปัญหาของนายกฯประยุทธ์ แนะใช้สภาฯ เป็นเวทีตรวจสอบการใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
“ตีเช็คเปล่า!”..
นี่ไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่เกินจริงมากไปนัก หาก ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน จะเรียกขาน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 (พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กฎหมายกู้เงินฯ ที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้...ว่าเป็นเยี่ยงนี้
ในเมื่อรัฐบาลไม่ได้จัดเตรียมและทำแผนงานรองรับการใช้จ่ายเงินอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในซีกของการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท จากเงินกู้ทั้งก้อนในรอบนี้ 1 ล้านล้านบาท ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาและตรวจสอบ
ทั้งหมดเป็นเพียง...ร่างแผนงานคร่าวๆ ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่ได้รับเงินส่วนแบ่งกันไป จะเอาไปใส่แผนการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ ในแบบ “ตามอำเภอใจ” และ “ต่างคนต่างทำ” จนไร้ความเชื่อมโยง กระทั่งขาดประสิทธิผลและไม่อาจวัดผลความสำเร็จใดๆ ได้หรือไม่?
ถึงขั้นมันอาจกลายเป็นความสูญเปล่า!
ต้องไม่ลืมว่า...ตลอดระยะเวลา 6 ปีเศษ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ทั้งในสีเสื้อ “รัฐบาล คสช.” และ “รัฐบาลพลเรือน" บางช่วงเวลามีอำนาจเหลือล้น! และทุกช่วงเวลามี “กองทัพ" และ “กองเชียร์” คอยหนุนหลัง แถมยังมีงบประมาณรวมกันมากกว่า 16-17 ล้านล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำอะไรไม่ได้ ทั้งกับภาพใหญ่ ”การวางโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ” เพื่อให้มันมีความเข้มแข็ง ลดคนจน สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย
หมดเงินลงทุนไปกับการวางโครงข่ายเทคโนโลยีมากกว่าครึ่งแสนล้านบาท แต่เอาเข้าจริง...แค่ระบบ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ที่คุยนักคุยหนาว่า...เอามาใช้ในการประเมินผลเพื่อคัดกรองคุณสมบัติของคนที่ควรจะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ตามมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” ยังทำไม่ได้จริง!
สุดท้าย...ต้องใช้คนมาป้อนข้อมูล AI เพื่อให้ AI ทำการคัดกรองฯ กระทั่ง เกิดปรากฏการณ์ “ผิดมั่ง...ถูกมั่ง" จนถูกด่ากันขรมไปทั่วบ้านทั่วเมือง มีอย่างที่ไหน? เอาคนขับรถแท็กซี่ไปเป็นเกษตรกร จนเกือบไม่ได้รับเงินเยียวยาฯ โชคดีที่เอาคนไปแก้ไข AI ได้ทันท่วงที ไม่งั้น...เรื่องนี้ จบยาก
สรุปให้สั้น! ขนาด พล.อ.ประยุทธ์ มีงบประมาณในมือตลอด 6 ปีมากมายขนาดนี้ มีอำนาจรัฐ มีกองหนุน กองเชียร์ พร้อมพรั่ง...สังเกตุว่า กลับบริหารจัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง?
ประสาอะไรกับเม็ดเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจเพียงแค่ 4 แสนล้านบาท จะเอาไปแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังภาวะวิกฤตไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย...ได้จริงหรือ?
ได้หรือไม่ได้? และได้แค่ไหน? เชื่อว่าคนไทย...ยังพอทำใจรับได้ แม้จะไม่เต็มใจยอมรับมากนักก็ตาม
แต่ปัญหาตามมา ก็คือ...เม็ดเงิน 4 แสนล้านบาทที่ว่านี้ ในเมื่อ"รัฐบาลยังไม่มีแผนงานและแผนการใช้เงินอย่างเป็นรูปธรรม" มันจึงกลายเป็นภาวะที่...ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ และผู้บริหารหน่วยงานหรือองค์กรภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างก็คาดหวังและแย่งชิงเงินก้อนนี้
อาการแย่งชิง ให้ร้ายป้ายสี เพื่อให้อีกฝ่าย...ไม่อยู่ในสภาพที่จะได้ “ส่วนแบ่งเค้ก” จึงมีให้เห็นเป็นระยะๆ และต่อให้ทุกฝ่าย...สมประสงค์ กล่าวคือ ได้รับส่วนแบ่งจากก้อนเงิน 4 แสนล้านบาทครบทุกหน่วยงานและองค์กร มันก็คงมีสภาพไม่ต่างจาก “งบเบี้ยหัวแตก!” ที่จะหวังผลอะไรแทบไม่ได้
ฝ่ายค้านถึงได้เรียกปรากฏการณ์นี้ ว่าเป็นการ “ตีเช็คเปล่า!” นี่ไง?
ระหว่างประชุมสภาฯ มี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน หยิบยกประเด็นขึ้นเปรียบเทียบ ยกเอาเคสที่รัฐบาลฝรั่งเศส ของบในการดำเนินงานต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 เหมือนรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลฝรั่งเศส...เขาจัดทำแผนงานให้เห็นออกมาเป็นรูปธรรม เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาว่า...โครงการไหน? ทำอะไร? ใครทำ? ทำอย่างไร? ใช้เวลาและงบประมาณเท่าไหร่? และผลที่จะได้รับคืออะไร?...เรียกว่า ทุกอย่างชัดเจน!
ที่เมืองไทยก็ชัดเจน! ชัดเจนว่า...ทุกอย่างมันคลุมเครือ และเบลอไปหมด?
ถึงตรงนี้...ในเมื่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ขาดแผนงานการใช้เงินก้อน 4 แสนล้านบาทอย่างเป็นรูปธรรม ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ สภาผู้แทนราษฎร ได้มีเวทีในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินก้อนนี้
เพราะถึงอย่างไร? การรวมก้อนระหว่าง...เงินเยียวยาประชาชนและการสาธารณสุข 6 แสนล้านบาท กับเงินฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เข้าไว้ด้วยกัน...ก็คงทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน ไม่อาจหาญจะยกมือคัดค้านการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประเทศและของประชาชนได้อยู่แล้ว
อย่างเก่ง...ก็แค่ “งดออกเสียง” ซึ่งนั่นจะทำให้...สภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงของวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2563 คงผ่านฉลุย! สำหรับเงินกู้ทั้ง 2 ก้อน ในนามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
แต่ผ่านไป...ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร? รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะใช้เวทีของสภาผู้แทนราษฎร ช่วยตรวจสอบ โดยเฉพาะในส่วนงบฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน
ไม่ใช่...มีข้อครหาว่า “ลอยตัว” อยู่เหนือปัญหา เหมือนที่เป็นอยู่ในเวลานี้หรือไม่?