“รัฐบาลลุงตู่” อัดเงินนำร่อง 2.2 หมื่นล้านบาท หนุนมาตรการท่องเที่ยว ในยามที่คนไทย “หมดอารมณ์-หมดเงิน” จะเดินทางไปไหน ที่สุด!
ใครได้ประโยชน์จากมาตรการ “เที่ยวปันสุข” ต้องอ่าน..
ไม่ว่าคนไทยจะมีอารมณ์เดินทางท่องเที่ยวหรือไม่? และยังจะเหลือเงินพอไปใช้เพื่อการท่องเที่ยวหรือเปล่า? แต่สถานการณ์นี้ “รัฐบาลลุงตู่” อยากให้และจัดให้พร้อมสรรพไปแล้ว…
นับแต่ประกาศ “วันหยุดยาว” ต่อเนื่องในหลายช่วงเวลาของเดือนกรกฎาคม ไปจนถึงการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย แพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท และแพ็กเกจกำลังใจ กรอบวงเงิน 2,400 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท
เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2563
ก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพิ่งนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและนอกกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามและมอบหมายงานตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็น…สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมภาษี ธนาคารในกำกับดูแลของรัฐ สภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น
โจทย์ใหญ่ คือ ทำอย่างไรจึงจะลดทอนปัญหาการเลิกจ้างงาน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงหนักข้อขึ้นทุกขณะ อันเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ยอดคนว่างงานในปัจจุบัน กว่า 2 ล้านคน ก็นับว่า…หนักหนาสาหัสสากรรจ์แล้ว หากรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่เตรียมการรับมือและแก้ไขตั้งแต่ “ต้นทาง” โอกาสที่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะปิดตัว เลิกกิจการ และเลิกจ้างงาน ย่อมมีสูง เพราะขาดอุปสงค์ นั่นคือ “กำลังซื้อ” จากสังคมไทย
กล่าวกันว่า…เมื่อถึงตรงนั้น ประเทศไทยจะมีคนว่างงาน พูดให้ชัดคือ “คนตกงาน” ทะลุมากกว่า 8 ล้านคนเป็นอย่างต่ำ!
การจ้างงานในภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวท้องถิ่น และการสร้างงานในชุมชนท้องถิ่นต่อเนื่องกันไป คือ อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ที่จะทำคู่ขนานไปกับการเพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจเอกชน ในกลุ่มที่ต้องการเงินทุนไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อราย
ตั้งเป้าสร้างงานจากการท่องเที่ยวชุมชนและธุรกิจต่อเนื่อง หากสามารถดำเนินได้ในช่วงแรกถึง 400,000 คน
แนวคิดการส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชน ตรงกับแนวทางของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ที่มี นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ “ศิษย์ก้นกุฏิ” ของนายสมคิดเป็น “ผู้อำนวยการ” และตัวนายสมคิดเอง ก็นั่งเป็นประธานกรรมการฯ
หาก สทบ. ทำได้จริง จะก่อเกิดการสร้างงานและสร้างรายได้ ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน คิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในกองทุนหมู่บ้านฯแต่ละรอบไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ที่สำคัญ…มันสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่คณะรัฐมนตรี เพิ่งจะมีมติในเรื่องสนับสนุนมาตรการท่องเที่ยว ไปเมื่อไม่นานนัก
ล่าสุด วันรุ่งขึ้น (3 กรกฎาคม) ที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถนนเพชรบุรี มีการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ ในงานแถลงข่าว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย แพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน และแพ็กเกจกำลังใจ วงเงิน 22,400 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพ ดำเนินงานร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และธนาคารกรุงไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า แพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน เป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการสนับสนุนค่าที่พักและ ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน ในการเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมและโฮมสเตย์ที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับ E-Voucher คืนละ 600 บาท ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการใช้จ่ายในอัตราร้อยละ 40 ในส่วนของสายการบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินบางส่วนในลักษณะการจ่ายคืน (Redeem) สำหรับผู้จองที่พักที่เดินทางโดยสายการบิน โดยผู้จองที่พักจะต้องดำเนินการจองและชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเต็มจำนวนผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน และรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนในอัตราร้อยละ 40 ของค่าบัตรโดยสาร แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง เข้าสู่แอปพลิเคชั่นเป๋าตังของผู้จองที่พัก ภายหลังการเช็คเอาท์ สามารถนำไปใช้จ่ายหรือถอนเงินสดได้โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา
ส่วนแพ็กเกจกำลังใจ เป็นการขอบคุณ อสม.,อสส., และ รพ.สต. ซึ่งเป็นผู้ที่เสียสละในการทำงานอย่างหนักและเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไม่เกินคนละ 2,000 บาท สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยทั้งสองแพ็กเกจสามารถใช้สิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวปันสุข.ไทย และ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ส่วนแพ็กเกจกำลังใจ จะเปิดให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวลงทะเบียนผ่าน www.เที่ยวปันสุข.ไทย ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำหรับ อสม.,อสส., และ รพ.สต. สามารถเข้าไปลงทะเบียนในวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 และเดินทางท่องเที่ยวได้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เติบโต และทำให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อไป
ส่วนนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ธนาคารฯพร้อมสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนลงไปในระดับฐานราก ที่ผ่านมา ธนาคารร่วมดำเนินโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศมาโดยตลอดเช่นกัน โดยในครั้งนี้ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “กำลังใจ” ธนาคารได้พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทะเบียนและการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กำหนดคุณสมบัติของประชาชนที่จะลงทะเบียนรับสิทธิ โดยต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุ 20 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน มีบัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิท่องเที่ยว ที่พัก และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
และย้ำว่าต้องใช้สิทธิในจังหวัดที่ไม่ใช่ทะเบียนบ้านของตนเอง ซึ่งการลงทะเบียนขอแนะนำให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง มาเตรียมไว้ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เชื่อมั่นว่าจะช่วยเร่งการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป
เช่นที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เกริ่นในตอนต้น…ไม่ว่าคนไทยจะมีอารมณ์ หรือเหลือเงินมากพอจะเดินทางท่องเที่ยวหรือไม่? แต่เมื่อรัฐบาลมีโจทย์ใหญ่จากแนวคิด “บนลงล่าง” จึงจำต้องออกมาตรการที่ก็ไม่รู้ว่า…มันตรงใจประชาชนหรือไม่?
รู้แต่เพียงว่า…ขอให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม/ที่พัก และธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ อยู่รอดปลอดภัยจากมาตรการรัฐและเงินภาษีของประชาชนก่อน
อย่างอื่น…ค่อยว่ากันไปทีละเปลาะ
เฮ้อ! เหนื่อยใจแทน?…ไม่ใช่รัฐบาล แต่เหนื่อยใจแทนคนไทยยุครัฐบาลชุดนี้จริงๆ