บอร์ด กนอ. เห็นชอบในหลักการแนวทางจัดระเบียบสายสื่อสารในนิคมอุตสาหกรรมลงใต้ดินปรับภูมิทัศน์พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม สอดรับการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในกำกับของ กนอ. โดยเตรียมวางระบบ 5G ครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรรม 14 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง คาดสามารถเริ่มดำเนินการตามแผนได้ปี 2567
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการขยายโครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาไปสู่ยุค 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล จึงทำให้การใช้เส้นเคเบิลเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable) เคเบิลทองแดง (Copper Cable) สายกระจาย (Drop Wire) มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเมื่อรวมกับที่มีอยู่เดิมแล้ว จึงอาจทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบและบางครั้งอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจเกิดไฟไหม้สายสื่อสารได้ กนอ. ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว
จึงมีแนวคิดจัดระเบียบสายสื่อสารในนิคมอุตสาหกรรมลงใต้ดิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งยังเป็นการเฝ้าระวังอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น และจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สูงขึ้นในอนาคต
โดยล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) ที่มีนายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานบอร์ด กนอ. เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบในหลักการของแนวทางดังกล่าวตามที่ กนอ.เสนอ โดยให้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนฯ ในปี 2564 และคาดว่าหากผลการศึกษาแล้วเสร็จจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการวางท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ในปี 2567 โดยจะเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP)
“อุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของการพัฒนาในพื้นที่อีอีซี ซึ่งนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะนักลงทุนจีนได้ย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียนจนยอดการลงทุนโดยตรงจากจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) เพิ่มมากขึ้นถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 จะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากสถานการณ์โควิด-19 แต่หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ทำให้บรรยากาศการลงทุนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อพัฒนาระบบ 5G และนวัตกรรมด้านดิจิทัลสมัยใหม่ ซึ่ง กนอ.มองเห็นลู่ทางดังกล่าวจึงได้เตรียมความพร้อมรองรับระบบสาธารณูปโภค ระบบสื่อสารภายในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความสะดวกในระบบ Big Data (ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่) ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม สอดรับกับแผนการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วย ICT โดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” นางสาวสมจิณณ์ พิลึก กล่าว
สำหรับพื้นที่เป้าหมายของการวางท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้บริการโทรคมนาคม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม 14 แห่ง และ ท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ที่ กนอ.บริหารจัดการเอง เนื้อที่ประมาณ 33,855.72 ไร่ มีผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 2,142 ราย
“กนอ.จะเป็นผู้วางโครงสร้างระบบ 5G ในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. กำกับดูแล 14 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง โดยที่มีเอกชนมาเป็นผู้ร่วมดำเนินการ ซึ่งจะทำให้โรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมีระบบสัญญาณที่มีเสถียรภาพ และสะดวกรวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์การเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ในด้านมาตรฐานการให้บริการที่มีศักยภาพ” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวปิดท้าย