รายงานข่าวแจ้งว่า ว่า ประเทศอิสราเอลประกาศเลิกมาตรการสวมหน้ากาก หลังฉีควัคซีนแล้วครึ่งประเทศ ยอดติดเชื้อลดฮวบ ขณะที่ประเทศไทยเรา ยังคงถกเถียงกันเรื่องของการจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 และถกหนักเรื่องแผนกระจายการฉีดวัคซีนนั้น ทางการอิสราเอลได้ออกประกาศยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยแล้ว โดย เว็บไซต์ "เดอะไทม์ออฟอิสราเอล" สื่อท้องถิ่นของประเทศอิสราเอล รายงานเมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลอิสราเอลได้ออกประกาศ “ยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในที่เปิดสาธารณะ” แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่าครึ่งประเทศ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงเหลือเพียงหลักร้อยคน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเวลานี้เกิดสภาวะ “ภูมิคุ้มกันหมู่” ขึ้นแล้วทั้งนี้ นายยูลิ เอเดลสตีน รัฐมนตรีสาธารณสุข อิสราเอล ได้ออกแถลงการณ์ในวันชาติอิสราเอล ระบุว่า ได้มีการสั่งการให้ยุติข้อบังคับทางสาธารณสุขในการสวมใส่หน้ากากในพื้นที่เปิดสาธารณะลงเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนนี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดนั้นยังคงอยู่รายงานข่าวยังระบุว่า อิสราเอลเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรุนแรงในระลอกที่ 3 เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ แต่สถานการณ์ได้คลี่คลายลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากอิสราเอลได้ดำเนินโครงการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรที่มีอยู่ 9 ล้านคน โดยสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรได้มากกว่า 5.3 ล้านคน หรือมากกว่า 50% ไปแล้วในเวลานี้ และถือเป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เร็วที่สุด จึงทำให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันหมู่โดยอิสราเอลได้เลือกใช้วัคซีนของ Pfizer/BioNTech