บิ๊กคมนาคม-รฟม.สะท้าน! หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบสั่งรับฟ้องคดี รื้อเกณฑ์พิจารณารถไฟฟ้าสายสีส้มกลางอากาศ
รายงานข่าวจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ BTS ได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 30/2564 เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวกับการแก้ไขเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก และล้มประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฐานเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (16) กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 165
โดยจำเลยทั้ง 7 คนที่ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย 1. นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 2. นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง รฟม. ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) 3. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกฯ
4. นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อธิบดีอัยการ ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกฯ 5. นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (ผอ.สคร.) กรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกฯ 6. นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกฯ และ 7. นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการรถไฟฟ้า รฟม. ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกฯ
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำวินิจฉัยเบื้องต้น ว่า เรื่องจากคดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญ ต้องปรึกษากับอธิบดีผู้พิพากษาฯ และรองอธิบดีผู้พิพากษาฯ ก่อนทุกครั้ง จึงให้ทนายฝ่ายโจทก์ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมถึงการฟ้องร้องในชั้นศาลปกครองที่ผ่านมา นอกจากนี้ ศาลอาญาฯคดีทุจริต เห็นว่า เรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ มีทุนทรัพย์มีมูลค่าสูง ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และข้อมูลเอกสารของ รฟม.อาจจะไม่เพียงพอครบถ้วน จึงสั่งให้ รฟม.จัดทำเอกสารส่งเพิ่มเติมภายใน 30 วัน ได้แก่
1. เอกสารการดำเนินการคัดเลือกเอกชน (RFP) ที่ยกเลิกไปแล้ว
2. ประกาศแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารคัดเลือกเอกชน
3. คำสั่ง/ประกาศยกเลิกการเชิญชวนเอกชน
4. รายงานการประชุมที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงรายงานการประชุมที่เกี่ยวกับการยกเลิกต่างๆ และหนังสือยืนยันความเห็นคัดค้านของนางสาวกนกรัตน์ ขุนทอง ผู้แทนสำนักงบประมาณ ที่มีการประชุมไป
ก่อนที่ล่าสุดจะมีรายงานว่าศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้พิจารณารับคำฟ้องคดีดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. วงเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 1.427 แสนล้านบาท แยกเป็นมูลค่างานโยธา ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท และอีก 3 หมื่นล้านบาท เป็นเงินลงทุนสำหรับระบบเดินรถทั้งเส้นทาง แบ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก เริ่มจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และ สถานียกระดับ 7 สถานี) และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันตก เริ่มจากตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย) ได้รับอนุมันจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมือวันที่ 28 ม.ค. 2563 สำหรับการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 142,789 ล้านบาท
แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ หลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ดำเนินการจำหน่ายเอกสารคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal: RFP) ไปตั้งแต่วันที่ 10–24 ก.ค. 2563 โดยมี 10 บริษัทเอกชนให้ความสนใจซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนฯ
แต่ปรากฎว่า หลังจากปิดขายซองประกวดราคาไปกว่า 2 เดือน วันที่ 21 ส.ค. 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 กลับมีข้อสรุปว่า ให้ปรับเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ใหม่ทั้งหมด โดยอ้างว่าได้รับการร้องขอจากบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลซึ่งได้ยินเรื่องร้องขอให้ปรับเกณฑ์การพิจารณา ผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) จนกระทั่งนำไปสู่การฟ้องร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง ของ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ว่าคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 กระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จนศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่าวคราว และสั่งให้รฟม.กลับไปใช้ทีโออาร์ประมูลเดิม
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหาร รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครอง และทุเลาการบับคับใช้เกณฑ์พิจารณาตัดเลือกดังกล่าว ของศาลปกครองกลาง เพื่อให้รฟม.เดินหน้าพิจารณาโครงการนี้ต่อไป แต่เมื่อยังคงไม่มีคำสั่งใดๆ ลงมา จึงทำให้ท้ายที่สุด รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ตัดสินใจสั่งล้มประมูลโครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อที่จะเดินหน้าจัดประมูลใหม่ โดยเร็วโดยไม่รอฟังคำสั่งศาล ก่อนที่ BTS จะนำเรื่องดังกล่าว ขึ้นร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้เอาผิดกับฝ่ายบริหาร รฟม.และคณะกรรมการ คัดเลือกตามมาตรา 36 ต่อการรื้อเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก ในครั้งนี้
ด้าน พ.ต อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษา ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ (5 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งรับคำฟ้องของบีทีเอส กรณีผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตร 36 รวม 7 คน แก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และยกเลิกการประมูลดังกล่าว เบื้องต้น ศาลฯ นัดไต่สวนในวันที่ 27 ก.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ศาลฯ ได้เปิดโอกาสให้ รฟม.ส่งคำแถลงภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหมายแจ้งนัด ซึ่งจะดำเนินการหรือไม่ก็ได้ ในเบื้องต้น ศาลฯ นัดพร้อมในวันที่ 7 ก.ค.นี้ แต่อาจมีการเลื่อนนัดไต่สวน เนื่องจากต้องพิจารณาตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 แต่มั่นใจว่าคดีนี้จะได้ข้อยุติหรือความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้