หากหนังสือของผู้บริหาร "ไทยเบฟ" ที่มีไปยังนายฉัตรชัย พรมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงมหาดไทย ให้สนับสนุนการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้กับพนักงานไทยเบฟและครอบครัวที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 71,400 คน เป็นความจริง! ขณะที่กระทรวงมหาดไทยเองก็สนองตอบโดยฉับพลัน โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยมีโทรสารด่วนเวียนไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อให้พิจารณาสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานไทยเบฟและครอบครัว ตามหลักเกณฑ์ของจังหวัดด้วยนั้น ประชาชนคนไทยที่ได้อ่านเนื้อหาของหนังสือขอความอนุเคราะห์ดังกล่าว คงเต็มไปด้วยความพะอืดพะอมผสมกับความสะอิดสะเอียนเป็นแน่ แม้จะอ้างว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มีนโยบายในการฉีดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดให้กับประชาชนทั่วประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีหนังสือแจ้งให้องค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรอยู่ในหลายจังหวัดแจ้งมายังอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัด แต่เจตนารมณ์ของ สธ.นั้น ก็ระบุชัดเจนว่า ทางบริษัทจะต้องจัดหาสถานพยาบาลรองรับการฉีดเองไม่ใช่หรือแล้วเหตุใดบริษัทไทยเบฟกลับทำหนังสือขอความอนุเคราะห์มายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความอนุเคราะห์สนับสนุนการจัดฉีดวัคซีนให้กับพนักงาน และครอบครัวของพนักงานของบริษัท ที่มีความจำเป็น และต้องการฉีดวัคซีนใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร แทนที่จะไปดำเนินการเอง แถมปลัด มท. ก็ขานรับทำหนังสือด่วนไปยังจังหวัดต่างๆ ให้สนองตอบอย่างทันควันเสียด้วยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของประชนที่กำลังลุ้นระทึก เฝ้ารอคอย Timeline การฉีดวัคซีนจากภาครัฐอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อใดจะถึงคิวฉีดเสียที ยิ่งเมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศ จะเปิดประเทศใน 120 วันข้างหน้า ขณะที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศยังกระโดเกาะขบวนรถไฟสายวัคซีนไม่ได้ครึ่งประเทศด้วยซ้ำ แล้วจะไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่า รัฐบาลกำลังเลือกปฏิบัติและให้ความเอื้ออาทรกับบริษัททุนยักษ์ที่ผูกขาดธุรกิจเหล้า-เบียร์ของประเทศ มากกว่าการดูแลทุกข์สุขของประชาชนมากกว่าหรือ?เพราะขณะที่ประชาชนคนไทย ยังต้องลุ้นระทึกว่า จะได้รับการฉีดวัคซีนกันเมื่อไหร่ บางคนต้องขวนขวายลงทะเบียนผ่านสารพัด App ต่างๆ ของรัฐกันหามรุ่งหามค่ำ แต่กว่าจะได้รับการนัดหมายก็ปาเข้าไปปลายปี ดีไม่ดีอาจต้องข้ามไปฉีดเอาปีหน้าโน้น โดยไม่สามารถจะหันไปพึ่งพาไปบุญจากใครได้แต่กับกลุ่มทุนธุรกิจผูกขาดที่ได้ชื่อว่า กินรวบตลาดเหล้าเบียร์ในเมืองไทย กลับได้รับการอนุเคราะห์จากรัฐบาลอย่างออกหน้าออกตา ท่ามกลางข้อกังขา ธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ไม่มีงบประมาณฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและครอบครัวตัวเองเลยหรือ ถึงต้องขอความอนุเคราะห์เป็นกรณีพิเศษจากกระทรวงมหาดไทย ให้จัดสรรและสนับสนุนการฉีดวัคซีนเป็นกรณีพิเศษให้ และไม่ใช่แค่การขออนุเคราะห์ สนับสนุนการฉีดวัคซีนตามปกติเสียด้วย แต่เป็นการขออนุเคราะห์การฉีดวัคซีนเป็นกรณีพิเศษที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น "อภิสิทธิ์ชน" กันเลยก็ว่าได้ลำพังทุกวันนี้ผู้คนเขาก็สัพยอกค่อนแคะว่ารัฐบาลชุดนี้ดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่นายทนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหนังสือของบริษัทยังมา "ตอกย้ำ" หัวตะปูให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ยังมีการเลือกปฏิบัติ และเห็นแก่ "นายทุน” มากกว่าประชาชนหนักเข้าไปอีก!