สมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทย-จีน เปิดตัวสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ (BRI Institute of Research Development on Economic and Education : BRIIRDEE) เพื่อเป็นองค์กรสร้างความร่วมมือวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษาระหว่างประเทศ จากยุทธศาสตร์ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative) เพื่อแสวงหาโอกาสและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ผ่านเครือข่ายสถาบัน การศึกษาและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ประเทศจีน และประเทศอื่นๆ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือด้านงานวิจัย สร้างนวัตกรรม พัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา ด้วยเป้าหมายร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุมภาควิชาอาชีวศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เปิดตัวสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ (BRI Institute of Research Development on Economic and Education : BRIIRDEE) และพิธีลงนามความร่วมมือกับสาขาวิชาการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ (Kasetsart Entrepreneurship Education Program : KEEP) ภาควิชาอาชีวศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ
ดร.ธารากร วุฒิสถิรกุล นายกสมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทย-จีน และประธานสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ (BRI Institute of Research Development on Economic and Education : BRIIRDEE) กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งสมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทย-จีน เพื่อเชื่อมโยงโอกาสธุรกิจการค้าการลงทุน ส่งสริมศักยภาพและพัฒนาความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการไทยกับประเทศจีนและประเทศอื่นๆ บนเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 และเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม
สมาคมฯ จึงจัดตั้ง “สถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ” (BRI Institute of Research Development on Economic and Education : BRIIRDEE) โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นองค์กรสร้างความร่วมมือวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษาระหว่างประเทศ จากยุทธศาสตร์ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative) เพื่อแสวงหาโอกาสและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ผ่านเครือข่ายสถาบัน การศึกษาและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ประเทศจีน และประเทศอื่นๆ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือด้านงานวิจัย สร้างนวัตกรรม พัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา ด้วยเป้าหมายร่วมกัน”
“เครือข่ายเริ่มต้นของสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ เป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาค ที่เชี่ยวชาญแต่ละด้านแตกต่างกัน และมหาวิทยาลัยที่ประเทศจีน จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยปักกิ่งเหรินหมิน มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสต์ ซีอัน มหาวิทยาลัยยูนนาน มหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์ยูนนาน มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศกว่างซี มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เซียะเหมิน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยในไทยแห่งแรกที่ร่วมมือกับสถาบันฯ คือ สาขาวิชาการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ (Kasetsart Entrepreneurship Education Program : KEEP) ภาควิชาอาชีวศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ โดยชอบเขตความร่วมมือ แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ การสร้างเครือข่ายและพันธมิตร การสนับสนุนโครงการแลกเปลี่ยนนิสิต/นักศึกษาและครูคณาจารย์ การสร้างโครงสร้างสนับสนุนการค้าการลงทุน การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี และการสร้างโครงสร้างที่เป็นกลาง” ดร.ธารากร กล่าวเพิ่มเติม
รศ.ดร.เมธินี วงศ์วานิช รัมภกาภรณ์ ประธานสาขาวิชาการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ (Kasetsart Entrepreneurship Education Program : KEEP) Entrepreneurship Education) กล่าวถึงสาขาวิชาการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการว่า “เป็นหลักสูตรบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่มุ่งเน้นการศึกษาเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของผู้ประกอบการให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และเข้าใจการจัดการการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม นวัตกรรมเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม”
รศ.ดร.เมธินี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยพัฒนาเศรษฐกิจและการศึกษา บีอาร์ไอ เป็นความร่วมมือพัฒนาผู้ประกอบการด้านการศึกษาและการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพนักศึกษา คณาจารย์และบุคลากรของหลักสูตร โดยร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน และสร้างสรรค์งานวิจัยและงานบริการวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ตามยุทธศาสตร์ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt Road Initiative)”