"กลุ่มซีพี" อกหักซ้ำสอง หลังองค์คณะผู้พิพากษาศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องเพิกถอนมติคณะ กก.คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก 2 แสนล้าน ชี้ประกาศคณะ กก.คัดเลือกทำโดยชอบแล้ว แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีจะแถลงเห็นพ้องให้เพิกถอน หวั่นกระทบบรรทัดฐานการประมูลงานรัฐ
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2562 ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ได้นัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 757/2562 ที่กลุ่มซีพี ในนาม บริษัท ธนโฮลดิ้ง กับพวกรวม 4 คนเป็นโจทย์ยื่นฟ้องคัดค้านมติคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก มูลค่า 200,000 ล้านบาท กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีมติไม่รับซองข้อเสนอของ "กลุ่มธนโฮลดิ้ง" บางรายการ และให้ตัดสิทธิการรับซองข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาของบริษัท โดยขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ ดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลการยื่นซองเกินเวลานั้น เป็นเพียงขั้นตอนทางธุรการเท่านั้น
โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลปกครองได้มีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของบริษัท ธนโฮลดิ้ง กับพรรคพวก ที่ร้องให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ กรณีไม่รับซองเทคนิคและราคาที่อ้างเหตุผลยื่นซองเกินเวลา และตัดสิทธิ์บริษัทจากการประมูล
โดยศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอกสารการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการนี้ในส่วนของสถานที่ วัน เวลาเปิดการรับซอง ปิดการรับซอง และการเปิดซองข้อเนอของผู้ยื่นข้อเสนอ กำหนดว่า จะเปิดให้การรับซองในวันที่ 21 มี.ค. 2562 เวลา 09.00 น. และปิดการรับซองข้อเสนอในวันเดียวกันเวลา 15.00 น. ตามเวลามาตรฐานไทย โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะไม่รับซองเอกสารข้อเสนอที่ยื่นภายหลังกำหนดเวลาการยื่นซองเอกสารข้อเสนอตามที่ระบุไว้ โดยบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก ได้ยื่นซองที่ 1 คุณสมบัติทั่วไป ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ ซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา และเอกสารซองที่ 4 ข้อเสนออื่น ๆ รวม 11 กล่อง
ข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้ว่า ในวันยื่นซองข้อเสนอเวลาประมาณ 12.21 น. บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก ได้นำข้อเสนอซองไม่ปิดผนึก (กล่องที่ 1) มายังสถานที่รับซอง และเวลา 13.52 น. ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ได้นำซองข้อเสนออีกจำนวน 8 กล่อง (รวม 9 กล่องจากทั้งหมด 11 กล่อง) เข้ามา
ต่อมาในเวลา 15.00 น. คณะทำงานรับและจัดเก็บเอกสารข้อเสนอตรวจสอบหมายเลขซองข้อเสนอที่ระบุบนกล่องข้อเสนอทั้งหมดของผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ที่มาถึงสถานที่รับซองแล้ว พบว่า บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก มีความประสงค์จะยื่นข้อเสนอจำนวน 11 กล่อง แต่ข้อเสนอมีเพียง 9 กล่อง โดยขาดข้อเสนอ 2 กล่อง ได้แก่ กล่องที่ 6 (ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ) และกล่องที่ 9 (ซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา) ต่อมาเวลาประมาณ 15.09 น. ซองข้อเสนอ 2 กล่อง ได้แก่ กล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 มาถึงยังสถานที่รับซอง ซึ่งบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวกยอมรับตามคำชี้แจงเพิ่มเติมว่า ส่งมอบเอกสารดังกล่าวล่าช้า เนื่องจากการจราจรติดขัด
จึงรับฟังได้ว่า เอกสารซองข้อเสนอของบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก จำนวน 2 กล่องดังกล่าว มาถึงยังสถานที่รับซองภายหลังเวลา 15.00 น. อันเป็นกำหนดเวลาปิดการรับซองตามที่ระบุไว้ในข้อ 31 (1) ของเอกสารการคัดเลือกฯ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ย่อมมีหน้าที่ปฏิเสธไม่รับกล่องดังกล่าวไว้พิจารณาในขั้นตอนต่อไปตามที่ระบุไว้ในข้อ 31 (3) โดยไม่สามารถพิจารณายกเว้นให้แก่บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก เป็นกรณีพิเศษได้ มิเช่นนั้นจะเป็นการเลือกปฏิบัติต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง และทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ดังนั้น มติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในการประชุมครั้งที่ 6/2562 วันที่ 10 เม.ย. 2562 ที่ไม่รับซองข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ของบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก ส่วนของซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนและแผนธุรกิจ กล่องที่ 6 และซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา กล่องที่ 9 กับฉบับสำเนา จึงชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนข้ออ้างของบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวกที่ว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้รับซองข้อเสนอทั้งหมดไว้แล้วในวันนั้นโดยไม่ได้อิดเอื้อนหรือมีท่าทีปฏิเสธ และยังให้บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด กับพวก ชำระค่าธรรมเนียมประเมินซองข้อเสนอและหลักประกันซองนั้น เห็นว่า กระบวนการยื่นและรับข้อเสนอซองไม่ปิดผนึกรวมทั้งซองปิดผนึก ซองที่ 1-4) ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน เวลา 15.00 น. เป็นกระบวนการหรือขั้นตอนที่แยกต่างหากออกจากกระบวนการตรวจสอบเอกสารในซองไม่ปิดผนึก ทั้งการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารซองไม่ปิดผนึกก็ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการยื่นข้อเสนอซองปิดผนึก หากแต่เป็นขั้นตอนภายหลังในชั้นของเงื่อนไขการพิจารณาให้คะแนนเท่านั้น
ประกอบกับมีความล่าช้าของการดำเนินการที่ส่งผลให้กำหนดการเปิดซองข้อเสนอซองที่ 1 ต้องล่าช้าออกไปจนต้องมีการแจ้งเลื่อนนั้น เป็นเรื่องของการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารซองไม่ปิดผนึก เพราะเอกสารที่ยื่นมีเป็นจำนวนมาก ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯมีหนังสือแจ้งขยายเวลากำหนดการยื่นซองเอกสารข้อเสนอตามข้อ 31 (2) ประกอบกับการปฏิเสธไม่รับข้อเสนอที่ยื่นเกินเวลาดังกล่าว ไม่จำต้องกระทำในเวลาที่มีการยื่นแต่อย่างใด หากข้อเท็จจริงปรากฏชัดในภายหลัง คณะกรรมการคัดเลือกฯ ย่อมมีสิทธิปฏิเสธไม่รับได้ ข้ออ้างของบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัดกับพวก ไม่อาจรับฟังได้ ศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม2562 ในการพิจารณาคดีนัดแรกหลังคู่ความทั้งสองฝ่ายได้เข้าชี้แจงต่อศาลเรียบร้อยแล้ว ตุลาการผู้แถลงคดี ได้แถลงความเห็นในคดีนี้ว่า เห็นควรให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ เฉพาะที่ไม่ให้รับซองเทคนิคและข้อเสนอด้านราคา เพราะเห็นว่า กระบวนการการรับซอง เป็นกระบวนการที่กระทำต่อเนื่อง ตั้งแต่ผู้เสนอราคามาแจ้งลงทะเบียนในช่วงเที่ยง และมีการรับเอกสารมาอย่างต่อเนื่อง กระบวนการส่งซองเกินเวลาจึงเป็นเพียงแค่ขั้นตอนทางธุรการเท่านั้น และการเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ไม่ให้รับซอง จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐ เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันเสนอราคาในโครงการนี้มากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อองคณะผู้พิพากษาศาลปกครองได้รับฟังข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติมจาก พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และพิจารณาสำนวนโดยละเอียด ท้ายที่สุดศาลจึงมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของกลุ่มซีพี ดังกล่าว ด้วยเห็นว่าหากพิพากษาให้ยกเลิกมติของคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกย่อมจะทำให้ก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่งอันจะก่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมเกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ บริษัท ธนโฮลดิ้ง และพันธมิตร ได้เคยยื่นอุทธรณ์กรณีถูกตัดสิทธิ์เข้ายื่นประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนี้ ต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธาน แต่คณะกรรมการ ก็มีมติ ไม่ขับสวนการเปิดรับซองข้อเสนอของกลุ่มซีพีดังกล่าว และยืนยันให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเดินหน้าโครงการต่อไปทำให้มีการคาดหมายว่าศาลปกครองกลาง ก็น่าจะมีคำพิพากษา เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทางกลุ่มซีพี คงจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดในกรณีดังกล่าวต่อไปอีกแน่