
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Energy Guru โพสต์ระบุว่า กรณี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไปคุยว่าอยากเห็นค่าไฟฟ้าเป็นเครื่องมือดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมดาต้า เซ็นเตอร์ และเอไอ ที่อยากจะย้ายฐานมาอยู่ในไทย และจะช่วยสร้างการเติบโตเศรษฐกิจให้ไทยและไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนดาต้า เซ็นเตอร์ และเอไอ ในภูมิภาค
ล่าสุด ดร.ทักษิณ พูดเรื่องค่าไฟอีกครั้ง ในงาน The World Next Opportunity and Beyond ที่จัดโดย เนชั่นกรุ๊ป ร่วมกับ MFC เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา จากที่ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดในการแสดงวิสัยทัศน์ที่จัดโดยเครือเนชั่น เจ้าเดิมโดยระบุว่าค่าไฟฟ้าควรจะต้องปรับลดลงมาจาก 11 เซนต์ เหลือ 8 เซนต์ต่อหน่วย หรือประมาณ 2.50 บาทต่อหน่วย ไทยจึงจะแข่งขันได้ และต้องเป็นไฟฟ้าที่มาจากพลังงานสะอาด

ปัจจุบันคนไทยใช้ค่าไฟเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย การปรับลดค่าไฟลงเหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย คือต้องลดลงมา อีก 1.65 บาทต่อหน่วย
ปัจจุบันต้นทุนไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ อยู่ที่ 2 บาทถึง 2.20 บาทต่อหน่วย แต่ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์นั้นไม่สามารถผลิตใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงอื่นหรือแบตเตอรี่ที่มีต้นทุนสูงกว่า
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าหลักของไทยกว่า 60% เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และมีสัดส่วนก๊าซที่มาจาก LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) นำเข้าที่มีต้นทุนสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่จะมาตอบโจทย์ค่าไฟ 2.50 บาทต่อหน่วยของ ดร.ทักษิณ จึงต้องมาจากแหล่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา หรือ OCA เท่านั้น ที่หากเจรจาสำเร็จได้เร็ว ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้เร็ว ไม่มีทางเลือกอื่น
