
แฉอาคารใหม่ สตง. ใช้ผู้รับเหมาหน้าใหม่จากจีน แถมลากเอาเทคโนโลยีก่อสร้างใหม่ด้วยโครงสร้าง" แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน" มาทดลองในไทย อ้างแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนแรงลมและแรงแผ่นดินไหว ก่อนเจอแรงแผ่นดินไหวเขย่าพังครืน ด้าน "ดร.เอ้" ซัดเทคนิคก่อสร้างมีปัญหา ยันหากตึกก่อสร้างเกิน 70% ไม่มีทางถล่มได้แน่!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจรู้ทันจีน ที่มีผู้ติดตามอยู่ 1.5 หมื่น ได้รายงานถึงโครงสร้างอาคารสำนักงานใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขนาดความสูง 30 ชั้น ที่ ถล่มหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยแปลจากเอกสารแถลงข่าวความสำเร็จที่บริษัท China Railway No.10 Engineering Group: CRCC บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจจีนได้จัดทำขึ้นในโอกาสฉลองความสำเร็จของการปิดโครงสร้างหลักโครงการนี้เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
ในเอกสารแถลงข่าวดังกล่าวได้ป่าวประกาศความสำเร็จของบริษัท ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ของประเทศไทย จนเสร็จสิ้นโครงสร้างหลักไปแล้ว

ในรายงานของบริษัท ระบุว่า โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (Thailand Office of the Auditor General) ได้เข้าสู่หมุดหมายสำคัญ เมื่อโครงสร้างหลักของอาคารเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลังจากการเทคอนกรีตชั้นสุดท้ายสำเร็จ
โครงการนี้ดำเนินงานโดย บริษัท จงเที่ยสือจวี่จี๋ตวน (China Railway No.10 Engineering Group – CRCC) หนึ่งในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจจีนขนาดใหญ่ ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความคืบหน้าในระดับกายภาพ แต่ยังถือเป็น โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างประเทศของบริษัท สะท้อนให้เห็นความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมของจีนที่กำลังก้าวรุกเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยอาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ทางทิศตะวันตกติดกับ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพงที่จริงคือสถานีกลางบางซื่อ) และทางทิศตะวันออกอยู่ติดกับสวนสาธารณะแห่งชาติกรุงเทพ เป็นทำเลที่สะท้อนทั้งความสะดวกในการเดินทาง และภาพลักษณ์ความมั่นคงของหน่วยงานรัฐ
ตัวโครงการประกอบด้วย 3 อาคารหลัก ได้แก่ อาคารสำนักงาน , อาคารประชุม และอาคารจอดรถ รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 96,041 ตารางเมตร โดยเฉพาะอาคารสำนักงานหลักมีความสูงถึง 137 เมตร (30 ชั้น) ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่อาคารสูงพิเศษตามมาตรฐานสากล และต้องอาศัยเทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงตลอดกระบวนการ
เมื่อแล้วเสร็จ อาคารนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐและสาธารณชนแห่งใหม่ของไทย

#โอ่สุดยอดอาคารเทคโนโลยีก่อสร้างขั้นสูง
ในรายงานของบริษัท ยังระบุว่า โครงการนี้ได้นำเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ที่ซับซ้อนมาใช้หลายด้าน โดยเฉพาะในบริบทของอาคารสูงพิเศษ เช่น
โครงสร้าง “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” (核心筒+无梁楼板): ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของอาคารต่อแรงลมและแรงแผ่นดินไหว
เทคนิคแบบสไลด์ (滑模施工技术): ใช้อุปกรณ์เลื่อนแบบหล่อขึ้นทีละ 1.2 เมตร ควบคุมความหนาของคอนกรีตไม่เกิน 25 ซม. และรักษาความแม่นยำในแนวนอนให้ไม่คลาดเคลื่อนเกิน 1 ซม.
การติดตั้งแบบยก (抬模安装工艺): เพื่อสร้างพื้นไร้คานให้ได้ผิวเรียบและแข็งแรง ติดตั้งและรื้อถอนได้รวดเร็ว
ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ (爬架施工工艺): เพิ่มความปลอดภัยและความเร็วในการก่อสร้าง พร้อมประหยัดวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้ โครงการนี้ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและคุณภาพ โดยมีมาตรการเข้มงวด ได้แก่:
อบรมพนักงานครอบคลุม 100% ทั้งด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และคุณภาพ โดยเฉพาะช่วงเริ่มงาน หลังวันหยุด และเปลี่ยนกะ
อบรมเฉพาะทาง สำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานพิเศษ เพื่อป้องกันการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
ตรวจสอบประจำวัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานไทย มาตรฐานระดับชาติของจีน และมาตรฐานอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ

#ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัท จงเที่ยสือจวี่
ตัวแทนจาก บริษัทจงเที่ยสือจวี่ กล่าวในงานปิดโครงสร้างว่า “โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นอาคารสูงพิเศษแห่งแรกที่เราดำเนินการนอกประเทศจีน แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างทีมงานและการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เราจึงสามารถบรรลุหมุดหมายสำคัญนี้ได้อย่างสำเร็จ เราหวังว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบของการก่อสร้างที่มีคุณภาพในภูมิภาคนี้”
โครงการนี้ไม่เพียงเป็นแค่การก่อสร้างอาคารเท่านั้น แต่ยังเป็น หมุดหมายทางยุทธศาสตร์ ของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรม และการพัฒนาเมืองในอนาคต และเป็นหลักฐานว่าบริษัทจีนสามารถสร้างผลงานที่น่าเชื่อถือในต่างแดน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีศักยภาพอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(แหล่งที่มา: https://news.goalfore.cn/topstories/detail/63177.html)
ชี้มีความผิดปกติตึกถล่ม!
ด้าน ดร.เอ้ - สุชัชวีร์ สุวรรณสสัดิ์ อดีตนายกฯ สภาวิศวกร และอดีตนายกฯ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) กล่าวว่า เท่าที่ดูตึกถล่มแห่งนี้ บอกได้คำเดียวว่ารับไม่ได้ และถือว่ามีความผิดปกติที่ตึกที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และสร้างมาถึงขณะนี้จะถล่มลงมาได้

เพราะจากที่เห็นฐานรากของตึกก่อสร้างเสร็จแล้ว และกระดูกสันหลังของตึกก็เสร็จแล้ว คือ กล่องลิฟท์ที่มีความแข็งแรงประดุจกระดูกสันหลังของตึก และมีเสา-คาน ซึ่งขึ้นเป็นตึกสูงแล้ว และยึดโยงกับกระดูกสันหลังของตึกไปแล้ว มันไม่มีทางจะถล่มลงมาได้ การที่ตึกถล่มลงมาแบบนี้ จึงระบุได้อย่างเดียวว่า มันผิดปกติจริงๆ ถึงพังลงมา แต่ไม่มีใครบอกได้จนกว่าจะได้พิสูจน์ทราบ โดยหน่วยงานที่เป็นกลางที่จะเข้าไปพิสูจน์ ซึ่งน่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่มีหน่วยงานนี้ ดังนั้นวันนี้สันนิษฐานได้อย่างเดียวว่า ตึกนี้มีความผิดปกติอย่างแน่นอนมันไม่ควรจะพัง
ส่วนที่อ้างว่า เหตุที่ตึกถล่ม เพราะปูนยังไม่เซ็ตตัวนั้น อยากจะเรียนว่า การก่อสร้าง ต้องมีการรอให้เซ็ตตัวทั้งสิ้น แต่มันต้องมีอะไรผิดปกติกับตึกนี้แน่ถึงได้ถล่มลงมา
"อยากให้ทุกคนนึกภาพตามลองดู ญี่ปุ่นและไต้หวัน ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางแผ่นดินไหว หากตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแบบนี้ มีการก่อสร้างฐานรากเสร็จแล้ว ก่อสร้างกระดูกสันหลังของตึกเสร็จแล้ว มีเสาแล้วและมีคานแล้ว หากมองว่าอยู่ในพื้นที่แผ่นดินไหวแล้ว ต้องถล่มลงมาได้แบบนี้ก็คงก่อสร้างอะไรไม่ได้ ดังนั้นตึกนี้สันนิษฐานได้อย่างเดียวว่ามีความผิดปกติแน่"
