
วงการจำนำทะเบียนรถสุดมึน ธปท. แพร่ผลงานชิ้นโบแดง ตรวจสอบสถาบันการเงินที่ให้บริการจำนำทะเบียนรถทั้งระบบกว่า 2 แสนล้าน คว้ามาได้แค่ปลาซิว “ศรีสวัสดิ์” ก่อนสั่งปรับไปแค่ 1.6 ล้าน ไร้เงาเจ้าตลาดรายใหญ่ ทั้งที่ลูกหนี้ร้องแรกแหกกระเชอ ฟ้องคดีท่วมศาล ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้วอน ธปท. เร่งตรวจสอบ 2-3 บริษัทใหญ่ที่รัองเรียนไปตั้งแต่ปีมะโว้ เหตุใดจนป่านนี้ยังหายเข้ากลับเมฆ
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า หลังจากเว็ปไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบ การประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงินประเภทรับจำนำทะเบียนรถ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้พิจารณาลงโทษปรับบริษัท เงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,655,000 บาท ตามมาตรา 46 พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 กรณีเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าบริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเกินกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่บริษัทประกาศไว้
กรณีดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ประกอบธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถ และประชาชนทั่วไปอย่างมาก รวมทั้งกลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ที่เป็นหัวหอกผลักดันเรื่องนี้ เนื่องจากเห็นว่า มีผู้ให้บริการทางการเงินในลักษณะเดียวกันอีกนับสิบราย โดยเฉพาะรายใหญ่หลายรายที่เคยถูกลูกหนี้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาล ทั้งยังมีลูกหนี้อีกนับร้อยร้องเรียนผ่านสายด่วน ธปท.โดยตรง แต่กลับไม่ถูกตรวจสอบ หรือถูกลงโทษแต่อย่างใด
"เป็นไปได้อย่างไรที่ตลาดสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ หรือจักรยานยนต์ ทั้งระบบที่มีมูลกว่า 200,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือที่เป็นบริษัทในเครือธนาคารพาณิชย์ใหญ่ บางรายมีพอร์ทสินเชื่อ มากกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท แต่กลับไม่ถูกตรวจสอบ หรือมีข่าวคราวว่าถูก ธปท. ตรวจสอบลงโทษแต่อย่างใด ทั้งที่มีกรณีการร้องเรียนท่วมเมือง"
เมื่อเร็วๆ นี้ ลูกหนี้ผู้เสียหายหลายราย ได้ส่งเอกสารร้องเรียนไปยังผู้ว่า ธปท. โดยตรง และมีการตรวจสอบภายใน ธปท.ก่อนมีการแจ้งกลับไปยังลูกหนี้ ถึงพฤติกรรมการเอาเปรียบของผู้ประกอบการเหล่านี้ โดยระบุว่า ดำเนินการขัดประกาศ ธปท. และ พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา แต่ก็กลับไม่มีการลงโทษใดๆตามมา จึงไม่เข้าใจว่า ระบบตรวจสอบ หรือที่เรียก “มาร์เก็ต คอนดัก” ของ ธปท.นั้น ใช้เกณฑ์ชี้วัดใดในการตรวจสอบผู้ประกอบการกันแน่ จึงทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงมีพฤติกรรมโขกดอกเบี้ยเกินอัตราเอากับลูกหนี้ได้อยู่
ด้านผู้บริหารบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ กล่าวยอมรับว่า ได้ถูกฝ่ายตรวจสอบของ ธปท. สั่งปรับจากการปล่อยกู้ที่มีการคิดค่าบริการไม่เป็นไปตามประกาศบริษัทจริง แต่ก็ได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จแล้ว และถือได้ว่าพอร์ทสินเชื่อของบริษัทไร้ปัญหา
“กรณีที่เกิดขึ้นก็มาจากหลักเกณฑ์ที่คลุมเครือของ ธปท. ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างพนักงานกับลูกหนี้คิดค่าบริการผิดไปจากที่บริษัทประกาศไว้ จากการตรวจสอบพบว่า พนักงานบางรายคิดค่าบริการเกินไป 2 บาท พนักงานเราก็ต้องขับรถไป 20-30 กม. เพื่อนำเงินไปคืนให้ลูกหนี้ 2 บาท ตามคำสั่งของ ธปท. แต่เราก็ยินดีทำตาม เพียงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและปฏิบัติกับรายอื่นๆ บนมาตรฐานเดียวกันด้วยเท่านั้น”
ด้านกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ ที่เคยมีข่าวร้องเรียนบริษัทจำนำทะเบียนรถคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด ได้แสดงความขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คืนความยุติธรรมให้ประชาชน พร้อมกันนั้นอยากสอบถามความคืบหน้าว่า จดหมายร้องเรียนของลูกหนี้ต่อบริษัทจำนำทะเบียนรถชื่อดัง 2-3 แห่ง บางแห่งนั้น ธปท. มีความคืบหน้าในการตรวจสอบไปอย่างไรบ้างแล้ว และเมื่อไหร่บริษัทดังกล่าวจะออกมาคืนเงินลูกหนี้ส่วนที่เสียหายด้วย "ทางกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้หวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เกณฑ์เดียวกันกับที่ตรวจสอบเงินทุนศรีสวัสดิ์"
