
ไม่ต้องบิวด์อารมณ์ ไม่ต้องเสี้ยม ไม่ต้องดราม่ากันมาก เพราะถึงอย่างไรไทย-กัมพูชา ก็แยกจากกันไม่ออก
ต้องมีผืนแผ่นดินติดกันไปชั่วกัลปาวสาน!
..
ประกาศๆ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ปี 2325 เรื่อยมาจนถึงปี 2505 ไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง เขาว่าเสียส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ แต่รวมๆกันหลายครั้ง น่าจะมากกว่าที่เหลืออยู่หรือเปล่าไม่รู้?
หลังสุดคือครั้งที่ 14 ไทยเสีย “เขาพระวิหาร” ให้กับกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2505 พื้นที่ 2 ตารางกิโลเมตร ตามคำพิพากษาของศาลโลก
จากวันที่ 15 มิ.ย. 2505 มาถึงเดือน มิ.ย. 2568 ในยุครัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประเทศไทยยังไม่ได้สูญเสียดินแดนให้กับประเทศกัมพูชา และประเทศอื่นใดทั้งสิ้น..
ดังนั้น จึงไม่ต้องดราม่า-เสี้ยม-ปั่นกระแสความเกลียดชังกันไปใหญ่โต
ถ้านับเหตุการณ์ทหารไทยยิงกับทหารกัมพูชา ช่วงเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค.68 บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เป็นการยิงปะทะกันของหน่วยทหารขนาดเล็กๆ ขณะเดินเท้าออกลาดตระเวนตรวจสภาพภูมิประเทศ แล้วอาจเกิดความเข้าใจผิดอะไรกัน แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างยังเป็นไปตามปกติ ไม่มีการปะทะกันอีก ยังไม่มีการสู้รบที่จะยกระดับไปสู่สงครามเต็มรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น
ปัจจุบัน “กัมพูชา” อาจมีปัญหาการเมืองภายในของเขา จึงมีคนบางกลุ่มพยายามปลุกกระแสความ “คลั่งชาติ” ซึ่งปกติปลุกง่ายอยู่แล้ว เรื่อง “คลั่งชาติ” ไม่ว่าจะกัมพูชา และไทย

กัมพูชาอยากเอาปัญหาเขตแดนไปขึ้นศาลโลก ก็เชิญตามสะดวก เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาลโลกตั้งแต่ปี 2503 ในคดีใหม่ ส่วนการยื่นคำขอของกัมพูชาต่อศาลโลกในปี 2556 ให้ตีความคดีปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่การฟ้องคดีใหม่ แต่เป็นการตีความคดีเดิมที่ตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2505
สรุปว่าปัญหา “ช่องบก-สามเหลี่ยมมรกต” เป็นกรณีใหม่ ถ้าประเทศไทยไม่สมัครใจขึ้น ก็บังคับให้ประเทศไทยไปขึ้นศาลโลกไม่ได้
ในส่วนของรัฐบาล และกองทัพ ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ปฏิบัติอย่างชัดเจน พื้นที่ตรงนั้น พล.ร.6 (กองกำลังสุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 มีภารกิจหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินที่เป็นอธิปไตยไทย ตามแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี- รมว.กลาโหม
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่รั้วของชาติ ดูแลผืนแผ่นดินไทยตามปกติ เหลืออายุราชการอีกไม่กี่เดือน จะเกษียณในเดือนก.ย.68 แล้วรมว.กลาโหมจะปลด พล.ท.บุญสิน ออกจากตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ไปทำไม?

ในขณะที่รัฐบาล ดูแลรับผิดชอบในภาพกว้างกว่า (แม็คโคร) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลต่อรัฐบาล เรื่องเศรษฐกิจ การค้าขาย การลงทุน การท่องเที่ยว การไปมาหาสู่ของประชาชนสองประเทศ ทุกภาคของประเทศไทย ไม่เฉพาะพื้นที่ชายแดน จ.บุรีรัมย์-อุบลราชธานี เท่านั้น
นับจากวันที่ 28 พ.ค.68 จนถึงวันที่ 5 มิ.ย.68 ยังไม่มีเหตุปะทะกันอีก ไม่มีการสู้รบกับทหารกัมพูชา แล้วจะให้รัฐบาลแพทองธาร รีบประกาศสั่งปิดด่านชายแดน ที่มีการค้าขาย การขนส่งสินค้า และการข้ามแดนไปมาของผู้คน เพื่ออะไร?
ปี 67 มูลการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา สูงถึง 174,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปี 66 ส่วนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-เม.ย.68) ขยายตัวพุ่ง 16.5% โดยไทยเกินดุล 8.93 หมื่นล้านบาท เพราะมีการส่งออกมูลค่า 107,297 ล้านบาท และนำเข้าเพียง 17,900 ล้านบาท แสดงถึงความแข็งแกร่งในการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา

ทางฝั่งกัมพูชาจะออกแอ็คชั่น โชว์การเคลื่อนย้ายกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ปล่อยเขาไปเถอะ! เนื่องจากทหารไทย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา (จ.สระแก้ว) มีการขนปืนใหญ่ รถถัง ไปฝึกซ้อมยิงด้วยกระสุนจริง ตามวงรอบการฝึกปกติอยู่แล้ว
ปัญหาชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตรงไหนที่ยังไม่มีหลักเขตแดนชัดเจน มักจะมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นธรรมดา ฝ่ายทหารก็ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไปตามปกติ อย่าให้ทหารต่างชาติรุกล้ำแผ่นดินไทยก็แล้วกัน แต่เชื่อเถอะสุดท้ายแล้วถ้ามียิงปะทะกันไม่เกิน 2 วัน ต้องหันหน้าเข้าสู่โต๊ะการเจรจา
ดังนั้น ไม่ต้องบิวด์อารมณ์ ไม่ต้องเสี้ยม ไม่ต้องดราม่ากันมาก เพราะถึงอย่างไรไทย-กัมพูชา ก็แยกจากกันไม่ออก ต้องมีผืนแผ่นดินติดกันไปชั่วกัลปาวสาน!
เสือออนไลน์