
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) "แตกดังโพล๊ะ" หลัง "เสี่ยเฮ้ง-นายสุชาติ ชมกลิ่น" รองหัวหน้าพรรค สส.ระบบบัญชีรายชื่อ และ รมช.พาณิชย์ หอบ 20 สส. ของรวมไทยสร้างชาติลงชื่อเรียกร้องให้นายกฯ "แพทองธาร ชินวัตร" โละรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคยกกระบิ ด้วยข้ออ้างขาดความรู้ความสามารถ ไม่สามารถทำงานสนองตอบความคาดหวังของพรรคและประชาชนได้
ฟากฝั่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รองนายกฯ และ รมต.กระทรวงพลังงาน ก็ตั้งป้อมสู้ยิบตา เดินเกมส์เขี่ยนายสุชาติและลูกพรรคที่ไม่มีใจคนอื่นๆ เพื่อยื้ออำนาจต่อรองของพรรคให้ถึงที่สุด เพราะหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ ก็มีหวังโควตารัฐมนตรีของพรรค รทสช. อาจถูกริบหรืออาจถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้านเอาได้
จะว่าไป หาก รทสช. ต้องถูกปรับออกไปจริงๆ หรือถูก "ริบเก้าอี้" ไปให้กับพรรคร่วมรัฐบาลแทนจริงๆ ก็ให้เสียดายนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง "นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์" รมต.อุตสาหกรรม ของพรรคนี้ที่แม้จะก้าวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้เพียงขวบปี แต่ก็ฝากฝังผลงานชิ้นโบแดงที่หลายต่อหลายฝ่ายชื่นชม

โดยเฉพาะการจัดตั้ง "ชุดตรวจการสุดซอย" ที่มี "นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์" หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าชุดนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นคณะทำงานที่สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ ลุยปะฉะดะบรรดาผู้ประกอบการเห็นแก่ได้ทั้งหลายอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมจริงๆ โดยเฉพาะการทลายโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบรรดากลุ่มจีนเทาทั้งหลาย
ที่ผ่านมานั้น ต้องยอมรับว่า บทบาทของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น มักถูกมองแต่ในเรื่องของผลประโยชน์ จากการขอใบอนุญาตประเภทต่างๆ ไม่มีเสียหล่ะที่จะเห็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมลงไปลุยกำถั่วไล่ฟัดนายทุน เจ้าของโรงงานเห็นแก่ได้ทั้งหลาย
แต่บทบาทของชุดตรวจการสุดซอยและนายเอกนัฏ หรือ "รมต.ขิง" ผู้นี้ต้องยอมรับว่าทำงานกันได้อย่างเข้าขา และแต่ละเรื่องราวที่ลุยไฟกับกลุ่มทุนเจ้าของโรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนเทาทั้งหลายนั้น ได้ใจพี่น้องประชาชนจริงๆ

อย่างกรณีการออกมา "ดับเครื่องชน" กลุ่มทุนจีนผู้ผลิตรายใหญ่ "ซินเคอหยวน สตีล" ด้วยการสั่งปิดโรงงานเหล็กซินเคอหยวนเมื่อปลายปี 2567 หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเหล็กที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2567 จนนำมาสู่การตรวจสอบโรงงานอย่างเข้มข้น และพบว่า บริษัทมีการละเมิดความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมหลายประการ โดยเฉพาะการผลิตเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพจนนำมาสู่การสั่งอายัดเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อยทั้งหมดของบริษัทจำนวนกว่า 2,400 ตัน พร้อมสั่งให้บริษัทเรียกคืนเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานทั้งหมดจากตลาดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คล้อยหลังจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานเหล็กซินเคอหยวนไม่ถึง 3 เดือน ได้เกิดเหตุเครนถล่มโรงงานเหล็กซินเคอหยวนอีกครั้ง จนเป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิตไปถึง 7 คน จนนำมาสู่การตรวจสอบบริษัทอย่างเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งพบว่า มีการก่อสร้างโรงงานโดยไม่ได้อนุญาตเพิ่มเติมอีก
และเมื่อเกิดเหตุตึกอาคารที่ทำการใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยนั้น ก็พบว่า เหล็กที่ใช้ก่อสร้างตึกนรกดังกล่าวก็มาจากโรงงานซินเคอหยวนด้วยอีก จึงทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมส่งชุดตรวจการสุดซอยลงไปไล่บี้สอบบริษัทซินเคอหยวนสุดลิ่ม พร้อมส่งเรื่องให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบด้วย

นอกจากกรณีซินเคอหยวนแล้ว ทั้ง รมต.ขิง และชุดตรวจสุดซอยยังลุยตรวจโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน อย่าง "นิคมศูนย์เหรียญ" กลุ่มทุนจีนแอบมาตั้งโรงงานแล้วเปิดให้ทุนจีนด้วยกันเข้ามาเช่าโรงงานประกอบการทำการผลิตสินค้าทั้งปลั๊กไฟ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากจีนและผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐและประเทศอื่นๆ โดยไม่มีการขออนุญาตประกอบการหรือขอรับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใดๆ
ล่าสุดนี้ ชุดตรวจการสุดซอยก็เพิ่งทลายโกดังยางรถยนต์เสื่อมสภาพที่ซุกอยู่ในโรงงานในอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยพบว่า มีการลอบดัดแปลงยางรถยนต์เสื่อมสภาพออกขาย ก่อนตรวจยึดยางรถยนต์จำนวนมหึมา กว่า 74,500 เส้น มูลค่ากว่า 223 ล้านบาท ที่มีการขูดลบและเจียรขัดผิวแก้มยางทั้ง 2 ด้าน เพื่อลบชื่อยี่ห้อวันเวลาผลิตยางออก ส่อให้เห็นว่าเป็นโมเดลการนำยางเสื่อมคุณภาพกลับมาดัดแปลงเพื่อส่งขายในตลาด ก่อนส่งให้หน่วยวานที่เกี่ยวข้องลุยดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

ยังมีผลงานปราบปราม ทลายโรงงาน โกดังสินค้าเถื่อน สินค้าไม่ได้มาตรฐาน โรงงานเถื่อนโรงงานสีเทาทั้งหลายแหล่สุดจะสาธยาย ที่ชุดตรวจการสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าไปจัดการ จนเป็นที่ประจักษ์ของผู้คนจริงๆ
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การดำเนินงานของชุดตรวจสุดซอย และ "รมต.ขิง-เอกนัฏ" นั้น แทบจะเรียกได้ว่า เกาะติดโซเชียลและใช้โซเชียลที่แจ้งเบาะแสการกระทำผิดในรูปแบบต่างๆ เข้ามาให้เป็นประโยชน์ และมีการปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกได้ว่า ชุดตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น เป็นขวัญใจประชาชนไม่ต่างจากทีมงาน "กัน จอมพลัง" เลยก็ว่าได้
ก็ไม่รู้ว่าหาก "รมต.ขิง-เอกนัฏ" ต้องถูกปรับออกไปจริงๆ และได้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมใหม่เข้ามา เราจะเห็นข่าวการดำเนินนโยบายอุตสาหกรรมพร้อมลุยไฟปราบปรามโรงงานอุตสาหกรรมแบบถึงลูกถึงคนแบบนี้อีกไหม!
แต่ก็พร้อมเป็นกำลังใจให้จริงๆ
แก่งหิน เพิง