
เป็นหนึ่งในบรรดารัฐมนตรีคนรุ่นใหม่ ที่ถูกจับตาว่าจะไปไหวหรือไม่? สำหรับ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน รัฐมนตรีคนใหม่ป้ายแดง อายุ 45 ปี ทั้งเรื่องเกี่ยวกับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ทั้งคนไทยและต่างด้าว เรื่องนายจ้าง ค่าแรง สวัสดิการ การคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งหลักประกันสังคม
แต่ปัญหาหนาวๆ ร้อนๆ น่าจะมี 2 เรื่อง รอรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาสางปัญหาให้เคลียร์ นั่นคือ 1. การซื้ออาคารประกันสังคม (Skyy9) ที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ชี้ว่าราคาตึก SKYY9 ช่วงที่สำนักงานประกันสังคมควักจ่ายไปประมาณ 7 พันล้านบาทนั้น ควรอยู่ที่ 3,428-3,863 ล้านบาท

สรุปคือ สำนักงานประกันสังคมน่าจะซื้อตึกแพงไปประมาณ 4 พันล้านบาท ถือเป็นความบกพร่องโดยสุจริต หรือบกพร่องโดยทุจริต แล้วเงินส่วนต่างก้อนนี้ลอยไปเข้ากระเป๋าใครหรือไม่? โดยเฉพาะคนของพรรคการเมืองที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน-สำนักงานประกันสังคม ในยุค “รัฐบาลประยุทธ์”
2. การเก็บค่าหัวคิวการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม รายละ 2,500 บาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 68 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ บุกตรวจค้น บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รับปรึกษาด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว ในย่านคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน การรีดไถหัวคิวแรงงานแล้วนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา
หลังจากดีเอสไอ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มนายจ้างที่เดือดร้อนว่าตามที่กระทรวงแรงงาน มีประกาศกระทรวงฯ ลงวันที่ 26 พ.ย.67 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาต ในวันที่ 13 ก.พ.68 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน เวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ไม่ต้องเดินทางกลับประเทศของตน แต่ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน จากประเทศต้นทางเสียก่อน ทำให้มีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงาน

โดยขบวนการดังกล่าว มีการเปิดระบบออนไลน์เพื่อต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวรูปแบบใหม่ ผู้ต่อใบอนุญาตต้องผ่านบริษัทจัดหางาน และต้องจ่ายเงินค่าหัวคิวเพิ่มคนละ 2,500 บาท โดยแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย มีประมาณ 2.8 แสนคน มีการต่อใบอนุญาตแล้ว 1.8 แสนคน คิดเป็นเงิน 300-400 ล้านบาท แต่หากจ่ายครบทุกรายจะเป็นจำนวนเงิน 600-700 ล้านบาท
เงินค่าหัวคิวจำนวนหนึ่ง โอนผ่าน “บัญชีม้า” ไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา 2-3 คน แต่หลังจากโอนผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชาแล้ว บางส่วนมีการโอนเงินกลับเข้ามาในไทยเป็นหลักร้อยล้านบาท เป็นชื่อบัญชีบุคคลอาจเกี่ยวข้องเป็นนอมินี และอยู่ระหว่างขยายผลรวบรวมการเดินบัญชีธนาคารต่างๆ โดยดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นพร้อมกัน 4 จุดในกรุงเทพฯ เพื่อเก็บหลักฐานไว้ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นขบวนการเรียกเก็บค่าหัวคิว ของเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งกัมพูชา-ไทย แต่จะเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานหรือไม่ ต้องว่าไปตามหลักฐานที่พบ
“ปกติถ้าไม่เรียกเก็บค่าหัวคิว แรงงานกัมพูชาจะต่อใบอนุญาต 2 ปีครั้ง ครั้งละประมาณ 3,700 บาท เป็นค่าประกันสังคม ตรวจโรค วีซ่า และอื่นๆ แต่จะตรวจสอบย้อนหลังว่ามีการหักค่าหัวคิวลักษณะดังกล่าวหรือไม่ ขณะนี้มีเพียงแรงงานกัมพูชาได้รับความเสียหายเพียงประเทศเดียว” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว

การเก็บหัวคิวจากแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ใครเปิดช่องให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา นายพงศ์กวินต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมาสอบสวน โดยประสานข้อมูลกับดีเอสไอ รวมทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่เดือดร้อน เพื่อเอาคนผิด หรือคนที่บกพร่องเพื่อการทุจริตกันเป็นขบวนการมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะงานนี้ถ้าทำสำเร็จ จะมีเม็ดเงินค่าหัวคิวแรงงานต่างด้าว สะพัดไม่ต่ำกว่า 5-6 พันล้านบาท
เสือออนไลน์