
ศาลปกครอง มีคำสั่งคุ้มครองที่ดิน 995 ฉบับ รวมถึงที่ดินแปลงอื่นๆ ในพื้นที่เขากระโดง หลังยกฟ้องปม รฟท. ขอให้เพิกถอนที่ดิน โดยอ้างออกโฉนดที่ดินคลาดเคลื่อน รุกที่รถไฟฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ 395/2568 ลงวันที่ 27 พ.ค. 2568 ซึ่งเป็นคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้อง กรมที่ดิน กับพวกรวม 3 ราย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่ ซึ่งสรุปได้เป็น 4 ข้อหา คือ

ข้อหาที่ 1 รฟท. มีคําขอให้ศาลมีคําพิพากษา หรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ตามหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0561.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ต.ค.2567 ที่มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการสอบสวน การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
ข้อหาที่ 2 รฟท. มีคําขอให้ศาลมีคําพิพากษา หรือคำสั่งให้เพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของอธิบดีกรมที่ดิน (อธิบดีกรมที่ดิน) และปลัดกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ซึ่งได้มีคําวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ กรณี รฟท.ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการสอบสวนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
ข้อหาที่ 3 รฟท. มีคําขอให้ศาลมีคําพิพากษา หรือคำสั่งให้กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ร่วมกันเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกในที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 995 ฉบับ ที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ออกโดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นการคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดในพื้นที่ของ รฟท. ภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด หรือภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควร
ข้อหาที่ 4 รฟท. ขอให้ศาลมีคําพิพากษา หรือคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กิโลเมตร 375+650 ตามระวางที่ดิน 4638 IV 3452-00 ถึง 4638 IV 3454-00 บริเวณทางแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ นอกเหนือจากหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทั้ง 995 ฉบับที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ในบริเวณทางแยกเขากระโดง
โดยศาลปกครอง มีคำสั่ง "ไม่รับคำฟ้อง" ไว้พิจารณาบางข้อหาได้แก่ ข้อหาที่ 3 และข้อหาที่ 4 เนื่องจากเห็นว่า มีข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี และคําขอบังคับในลักษณะเดียวกันกับประเด็นที่ศาลได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว หรือเป็นการฟ้องซ้ำในคดีศาลปกครองกลาง หมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566 มาฟ้องเป็นคดีนี้อีก
(เครดิต : มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5273531)

ขนาดผืนแผ่นดินแค่ 5,000 ไร่เศษ ภายใน ต.อิสาณ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบุรีรัมย์แท้ๆ แต่กลับยังมีปัญหาเรื่องของ "ที่ดินพิพาท-พื้นที่ทับซ้อน" ระหว่างชาวบ้านที่อ้างว่า ถือกรรมสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่ยืนยันนั่งยันว่า เป็นที่ดินการรถไฟ
เป็นปัญหาพิพาทที่คาราคาซังมาจะร่วม 30 ปีเข้าไปแล้ว จนป่านนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 โลกของประเทศ รวมทั้ง "ศาลสถิตยุติธรรม" ที่มีในประเทศไทย ก็ยังคงไม่สามารถชี้ชัดให้กระต่างลงไปได้ว่า
" ที่ดิน" 5,000 ไร่เศษ ที่มีผู้ครอบครองอยู่ราว 995 แปลง(ราย) อันเป็นที่ตั้งของชุมชนใน ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์เป็นที่ดินของการรถไฟฯ ที่ถูกบุกรุก โดยมีแผนที่ระวางภาพถ่ายแสดงอาณาเขตและขอบเขตที่ชัดเจน หรือเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่ชาวบ้านแผ้วถางทำมาหากินกันมาแต่อ้อนแต่ออก จนนำมาออกเอกสารสิทธิ์ยึดถือครอบครองต่อๆ มา
วันวานกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ยุติการสอบสวน (ตรวจสอบ) เรื่องของเอกสารสิทธิที่การรถไฟฯนำมากล่าวอ้างทั้งหลายแหล่ พร้อมทั้งยกอุทธรณ์ความพยายามของการรถไฟฯ ที่จะดั้นเมฆยืนยันและนั่งยันว่า ที่ดินหรือพื้นที่เหล่านั้นเป็นของตน

ล่าสุด “ภูมิธรรม เวชยชัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่หมาดๆ ก็ “ปลุกผี” สั่งตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบคำสั่งเพิกถอนการสอบสวน (ตรวจสอบ) เดิม ของกรมที่ดินและกระทรวงมหาดไทย อีกระลอก และเดี๋ยวก็คงจะมีเรื่องร้องขอ "ความคุ้มครอง" ไปยังศาลปกครองกลาง และ "ศาลบุรีรัมย์" กันเป็นทอดๆ ลากยาวต่ออีกเป็นมหากาพย์
แล้ว "พื้นที่พิพาท" ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นที่ "ช่องบก" หรือดินแดนที่ตั้ง ปราสาทตาเหมือน ปราสาทตาควาย หรือพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนแห่งอื่นๆ อีกนับ 100 หรือหลายร้อยกิโลนั้น เรายังจะ "ฮึ่มฮั่ม" ยืนยันนั่งยันว่า พื้นที่เหล่านี้เป็นดินแดนของประเทศไทยที่มีระวางแผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศที่แสดงอาณาเขตว่าเป็นดินแดนของประเทศไทยเราชัดเจน

เราไม่มีวันยอมเสียผืนแผ่นดินไปให้กัมพูชาแม้ "ตารางเดียว"...
แต่พื้นที่กว่า 5,000 ไร่ ที่การรถไฟฯ อ้างว่า มีเอกสาร หลักฐาน ระวางแผนที่ว่าเป็นที่ดินและเขตรถไฟฯ นั้น เรากลับยอมให้ประชาชนคนไทยทั้งนายทุน นักการเมือง นักการเมทองท้องถิ่น "สุมหัว" กันยึดถือครอบครองเอาไปเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวกันได้
โดยไม่มีใครกล้าออกมาชี้ชัด หรือ "ฟันธง" ว่า เป็นทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน จริงไม่จริง "ท่านผู้เฒ่าสนธิ-ปานเทพ" และ "ท่านแม่ทัพ"