
หลังจากไทย-กัมพูชา เปิดศึกสู้รบกันมา 3 วัน (24-26 ก.ค. 68) ทำให้มีประชาชน-ทหาร เสียชีวิตและบาดเจ็บกันทั้งฝ่าย ถึงเวลาต้องหยุดยิงกันแล้ว!
เมื่อผู้นำหมายเลข 1 ของโลก ใช้มาตรการภาษีนำเข้า (ภาษีทรัมป์) กดดันให้หยุดยิง ยุติสงคราม เพราะกำลังเจรจาการค้ากับทั้งสองประเทศ แต่สหรัฐอเมริกาไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดก็ตาม หากยังคงสู้รบกันอยู่
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล ว่าเพิ่งได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเกี่ยวกับการยุติสงครามกับประเทศไทย และตนกำลังโทรฯ หารักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เพื่อขอให้มีการหยุดยิง ยุติสงครามซึ่งกำลังทวีความรุนแรงอยู่
เนื่องจากตอนนี้ เรากำลังมีการเจรจาการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ จึงไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดก็ตาม หากพวกเขายังคงสู้กันอยู่ และตนได้บอกพวกเขาไปแล้ว
ตนกำลังจะโทรศัพท์ถึงประเทศไทยในอีกไม่กี่นาทีนี้ ส่วนการโทรฯ คุยกับกัมพูชาได้จบลงแล้ว คาดว่าจะมีการโทรฯ กลับไปอีกครั้งเพื่อหารือเรื่องการหยุดสงครามและการหยุดยิง ตนพยายามทำให้สถานการณ์อันซับซ้อนนี้ง่ายขึ้น มีผู้คนมากมายเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ แต่มันทำให้ตนนึกถึงความขัดแย้งระหว่างปากีสถานกับอินเดีย สามารถยุติได้อย่างสำเร็จในที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวัน 25 ก.ค. 68 ตามเวลาในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐฯ มีการประชุมฉุกเฉินแบบปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อรับฟังถ้อยแถลงของประเทศคู่กรณีเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา กลับไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะการประชุมฉุกเฉินของ UNSC ตามคำร้องขอของกัมพูชา เป็นการหารืออย่างกว้างๆ เพื่อรับทราบสถานการณ์ ไม่มีการออกข้อมติใดๆที่จะมีผลผูกพัน
โดยที่ประชุมยอมรับว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงเพียงแค่เรียกร้องให้ไทย-กัมพูชา ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี รวมถึงการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานของหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ถึงแม้ที่ประชุมจะสนับสนุนบทบาทของอาเซียน แต่ไม่ได้แต่งตั้งเป็นคนกลางให้เข้ามาการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง
ที่สำคัญไทยใช้โอกาสนี้ ชี้แจงว่าใช้กำลังอย่างชอบธรรม และได้สัดส่วนกับภัยคุกคามตามสิทธิป้องกันตนเองภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น ศึกครั้งนี้ หากผู้นำสหรัฐฯ ไม่โทรฯ มากดดันทั้ง 2 ประเทศ ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่รู้ว่าจะหาทางลงอย่างไร? ระหว่าง “พอแล้ว” หรือจะขยายความขัดแย้งให้การสู้รบบานปลายมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้ UNSC จำเป็นต้องมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาอย่างนั้นหรือ? “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต”
เสือออนไลน์