
ตามที่ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเตรียมนำมาตรการภาษีใหม่ ภายใต้กรอบ “Trump Tariff 2.0” มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกและการลงทุนร่วมระหว่างประเทศ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอแสดงความห่วงใย และสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่..
ในขณะนี้ข้อเสนอฉบับปรับปรุงสุดท้ายของฝ่ายไทย ซึ่งจัดทำโดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายใต้ทีมไทยแลนด์ ได้ถูกยื่นต่อรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว โดยเป็นข้อเสนอที่สะท้อนความพยายามในการรักษาดุลยภาพด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ และควรจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากฝ่ายสหรัฐอเมริกา
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าฯ กล่าวว่า “แม้สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจะเพิ่งคลี่คลายและนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงเรียบร้อยแล้ว แต่ภาคเอกชนขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งรัดเจรจาทางเศรษฐกิจในทุกกรอบ โดยเฉพาะประเด็นภาษีกับสหรัฐฯ ที่มีเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคมอยู่เบื้องหน้า เราเชื่อมั่นว่า ข้อเสนอของฝ่ายไทยในครั้งนี้มีความเหมาะสม สมดุล และอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน จึงอยากขอให้ฝ่ายเจรจาไทยเร่งหาข้อสรุปอัตราภาษีจากสหรัฐอย่างเป็นธรรมโดยด่วน เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจหลังจากเส้นตายดังกล่าว”
พร้อมกันนี้ ภาคเอกชนไทยยังมีความเชื่อมั่นว่า สหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย จะพิจารณานโยบายด้านภาษี การค้า และการลงทุนกับประเทศคู่ค้าในภูมิภาคนี้อย่างเป็นธรรม โปร่งใส และมั่นคง เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถวางแผนและขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่อง
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าฯ ยินดีต่อการหยุดยิง!
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีอย่างยิ่งต่อการที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาสามารถบรรลุข้อตกลง “หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป อันเป็นผลจากการเจรจาในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ภายใต้ความร่วมมือของประเทศมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนและตัวกลางในการหารือ
ความคืบหน้าดังกล่าวนับเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งในการคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน และทรัพย์สิน ของทั้งสองประเทศ เราเชื่อมั่นว่าการเจรจานี้จะนำไปสู่ การลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน และเปิดทางให้ทั้งสองประเทศเดินหน้าเข้าสู่การหารือในกรอบของความร่วมมือเพื่อสันติภาพและการเคารพซึ่งกันและกันในด้านอธิปไตย
แม้ว่าจะยังมีความไม่ไว้วางใจและข้อกังวลจากฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่ภาคเอกชนไทยขอสนับสนุนให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทน อดกลั้น และดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้กลไกความร่วมมือของอาเซียน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะซ้ำและความสูญเสียอันไม่จำเป็น เราเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามหลักสากล ยึดหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนอย่างจริงใจของประเทศไทย จะปรากฏชัดต่อนานาประเทศ และขอให้ทางกัมพูชาเคารพยึดข้อตกลงการหยุดยิงตามที่ได้แถลงร่วมกัน
ในนามของภาคเอกชนไทย ขอขอบคุณประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการเปิดช่องทางการเจรจาระหว่างสองประเทศ และขอขอบคุณประเทศจีนที่ให้ความร่วมมือในฐานะผู้สังเกตการณ์เพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความไว้วางใจระหว่างคู่เจรจา รวมถึงขอขอบคุณประเทศมาเลเซีย โดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชียที่ร่วมผลักดันและอำนวยความสะดวกต่อการหารือครั้งนี้
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการหารือภายใต้กรอบ คณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ณ ประเทศกัมพูชา จะเป็นอีกก้าวที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ และนำไปสู่แนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนต่อปัญหาที่ค้างคา
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทย กองทัพไทย เพื่อร่วมกันสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป