
ปัญหาที่ดินอัลไพน์ จ.ปทุมธานี กับที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ มีที่มาต่างกัน แต่มีคนพยายามจะโยงให้เจ้าหน้าที่รัฐ (กรมที่ดิน) ปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน
…
ที่ดินอัลไพน์เป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชนตั้งแต่แรก และก่อนตายได้เขียนพินัยกรรมยกให้วัดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นึกภาพง่ายๆ ว่าวัดที่ว่านี้ อยู่ห่างจากที่ดินอัลไพน์ประมาณ 300 กม.
วัด (กรรมการวัด-เจ้าอาวาส-มูลนิธิที่ดูแลที่ดิน) จึงต้องการเงินมากกว่าต้องการที่ดินอัลไพน์ก็เป็นไปได้ เพราะอยู่ไกล บริหารจัดการลำบาก จึงต้องขายเพื่อเอาเงินเข้าวัดเกิน 100 ล้านบาท
ตอนนั้นที่มีโฉนดแล้ว โอนกันเรียบร้อยไม่มีปัญหา ยิ่งคนที่มาซื้อต่อเพื่อพัฒนาที่ดิน หรือมาซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ถือว่าเป็นการซื้อ “มือสอง” จึงไม่ได้ผิดอะไร และถือว่าเป็นผู้เสียหายด้วยซ้ำไป
แต่เมื่อจะเอาที่ดินอัลไพน์กลับไปเป็นที่สงฆ์ (ธรณีสงฆ์) กันให้ได้! กรมที่ดินจึงส่งหนังสือแจ้งเพิกถอนโฉนดกับผู้ถือครองที่ดินอัลไพน์ไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 68
ในจำนวนนี้มี “รัฐมนตรี” รัฐบาลปัจจุบันรวมอยู่ด้วย ก็ได้รับหนังสือจากกรมที่ดินเรื่องการเพิกถอนโฉนดออกจากอัลไพน์ กลับไปเป็นธรณีสงฆ์แล้วด้วย “เสือออนไลน์” เห็นหนังสือฉบับนี้กับตาตัวเอง
ส่วนกรณีที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ ใน จ.บุรีรัมย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยืนยันว่า เป็นที่ดินของการรถไฟฯ และใช้ทำประโยชน์มานานแล้ว ใช้เป็นแหล่งหินสำหรับการก่อสร้าง-ซ่อม ทางรถไฟสายนครราชสีมา-อุบลราชธานี
แต่กลับมีการออกโฉนดบนที่ดินผืนนี้ให้กับกลุ่มนักการเมืองดัง และประชาชน จำนวน 995 แปลง
เมื่อต่างฝ่าย ต่างก็อ้างสิทธิ จึงต้องต่อสู้กันในศาลเพื่อให้ทั้งสองฝ่าย นำข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ และเอกสารการครอบครองที่ดิน มาต่อสู้กันในศาลเพื่อ “พิสูจน์สิทธิ” โดยใช้เวลานานหลายปี และการรถไฟฯ ก็เป็นฝ่ายชนะคดีทั้ง 3 ศาล แล้วจะมาอะไรกันอีก!
ที่ดินอัลไพน์ กับที่ดินเขากระโดง มีที่มาต่างกันชัดเจน! แต่ที่ดินเขากระโดง สามารถทำให้จบแบบที่ดินอัลไพน์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปวอแว ต่อล้อต่อเถียงกับคนของพรรคภูมิใจไทย และคนกลุ่มหนึ่งในบุรีรัมย์
นั่นก็คือ กรมที่ดินทำหนังสือแจ้งเพิกถอนโฉนด ส่งไปที่บ้านของผู้ที่มีชื่อในโฉนดทั้ง 995 แปลง แค่นี้โฉนดก็กลายเป็นเศษกระดาษทันที!
เสือออนไลน์