
ไม่รู้กินอะไรผิดสำแดงขึ้นมา วันวาน 15 ตุลาคม 2568 "นายพชร พริพทะพันธ์ุ" บุตรชายหัวแก้ว หัวแหวนของ "พิชัย นริพทะพันธ์" อดีตรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ก็ออกมาป่าวประกาศในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ยืนยันว่า คุณสมบัติของ "ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์" ประธาน กสทช. ที่เคยถูกกรรมาการ (กมธ.) เทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสารและโทรคมนาคม (ไอซีที) ลงมติว่า "ขาดคุณสมบัติ" การเป็น กสทช. มาตั้งแต่ต้น เพราะยังคงเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมหิดล แม้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กสทช. แล้ว

โดยระบุว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยืนยันสถานะของ ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ แล้วว่าไม่ได้เป็น “พนักงานของมหาวิทยาลัย” นับตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกและแต่งตั้งเป็นประธาน กสทช. จึงเท่ากับว่าข้อกล่าวหาของ กมธ.ไอซีที วุฒิสภา และเครือข่ายสภาองค์กรผู้บริโภค ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
พร้อมกับระบุว่า จากการตรวจสอบเอกสารที่ กมธ.ไอซีที นำไปกล่าวอ้างในรายงาน กมธ.ไอซีที นั้น พบความผิดปกติหลายจุด โดยไม่ปรากฏวันที่และเลขที่หนังสือราชการตามระเบียบว่าด้วยงานสารบรรณ ระบุแค่ อว 78/ล เดือนพฤษภาคม 2567 ลงนามโดย ศาสตราจารย์ นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล จึงยืนยันไม่ได้ว่าเป็นหนังสือของสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลจริงหรือไม่
ดังนั้น หน่วยงานใดที่นำข้อมูลจากหนังสือฉบับนี้ไปใช้อ้างอิง ถือว่าพิจารณาภายใต้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อใส่ร้ายและกล่าวหาเจ้าพนักงาน
“ความพยายามบิดเบือนด้วยการปล่อยเอกสารที่อ้างว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ มีสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ช่วง 20 ธันวาคม 2564 จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2565 ทั้งที่ความจริงแล้วศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ มีสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจนถึงวันที่ 7 มกราคม 2565 เท่านั้น และแม้ว่าผลการตรวจสอบจะสร้างความชัดเจนที่ถูกต้องต่อคุณสมบัติของศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ว่า ไม่ขัดต่อตามมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 แล้ว แต่ที่ผ่านมามีความพยายามของคนบางกลุ่มเผยแพร่ข้อมูลและเอกสารอันเป็นเท็จต่อสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความสับสนอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้จะรวบรวมเอกสารหลักฐานฟ้องคนที่ให้ร้ายประธาน กสทช."

ฟังข้อมูลที่ท่านที่ปรึกษาประธาน กสทช. ชี้แจงข้างต้นแล้ว ก็ให้พิศวงงวยงงว่า ทำไมเพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมาตอบโต้หรือชี้แจงเรื่องนี้ ในเมื่อ กมธ.ไอซีที ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ตามคำสั่งของประธานวุฒิสภาตั้งแต่ปีมะโว้ 2567 โน้นแล้ว นี่ท่านที่ปรึกษารู้หรือยังว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ของ "คุณพ่อ" ท่านนั้นไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วนะ แต่เป็นฝ่ายค้าน (และแค้นจุกอก) แล้วนะ
และทำให้สงสัยต่อไปว่า หากข้อมูลที่ กมธ.ไอซีที วุฒิสภา ขอให้ทางมหาวิทยาลัยเข้าไปชี้แจงและจัดส่งให้ก่อนหน้า ไม่ได้ออกมาจากสำนักงานอธิการบดีแล้ว ใครจัดส่งเอกสารไปให้ กมธ.ไอซีที ในเวลานั้นหรือ?
เพราะเขาให้เข้าไปชี้แจงและจัดส่งเอกสารระเบียนการลงเวร ค่าตอบแทนอะไรต่างๆ ไปให้ตั้งแต่ปีมะโว้โน้นแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่จัดส่งเอกสารหลักฐานเหล่านี้ไปให้ กมธ. หรือเหตุใดใช้เวลาตรวจสอบเอกสาร "ข้ามภพ ข้ามชาติ" ได้ขนาดนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องของการทำ "สมาธิสะสมพลังจิต" นะ ที่จะสะสมกันข้ามภพข้ามชาติได้แบบนี้ และถ้ามหาลัยไม่ได้จัดส่งไป แล้วเอกสารมันเดินไปได้เองหรืออย่างไร หรือมีไอ้โม่ง Invisible Hand จัดส่งเอกสารเท็จไป จึงทำให้ กมธ.สรุปผลตอบสอบที่ยืนยันว่า ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ ขัดคุณสมบัติตามมาตรา 8 พรบ.กสทช.มาตั้งแต่ต้น
อีกทั้งในความหมายของการเป็นพนักงานของรัฐหรือลูกจ้างรัฐนั้น เขาวัดกันที่เอกสารยืนยันจาก อว. หรือมหาวิทยาลัยเท่านั้นหรือ? วัดกันแค่ "ใบลาออก" ที่เจ้าตัวบอกผ่านสื่อเท่านั้นหรือ เขาไม่ดูลึกลงไปถึงเอกสารการจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าเข้าเวรประกอบหรืออย่างไร?

หากจำไม่ผิด เมื่อครั้งที่อดีตนายกฯ "สมัคร สุนทรเวช" โดนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อปี 2551 เพราะดอดไปเป็น "เชฟกะทะเหล็ก" รายการ "ชิมไปบ่นไป" ที่ศาลเห็นว่า ถือเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนออกสื่อทีวีนั้น
ศาลท่านก็ไม่ได้ดูแค่ว่า อดีตนายกสมัคร สุนทรเวช เป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัทเอกชนจริงหรือไม่ แต่ศาลดูที่การได้รับ "ค่าตอบแทน" ที่ได้รับจากบริษัทธุรกิจซึ่งแสวงหากำไรเป็นหลักเท่านั้น เมื่อท่านทำรายการ แม้จะอ้างว่าไม่ได้สนใจในเรื่องรายได้ผลตอบแทน แต่เมื่อได้รับผลตอบแทนจากบริษัทเป็นรายเดือนอย่างสมฐานะก็เข้าข่ายเป็นลูกจ้างแล้ว
อีกทั้งในข้อสรุปของ กมธ.ก็ไม่ได้ดูแค่ว่า ท่านประธาน กสทช. เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจากแค่เอกสารยืนยันจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น ยังมีเรื่องของระเบียนการ "ลงเวรตรวจรักษา" ตามระเบียนตารางเวรที่ท่านไปลงชื่อไว้
ทั้งยังมีกรณีการรับเป็นที่ "กรรมการ" ธนาคารพาณิชย์ ทั้งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น กสทช. ด้วยอีกอันเป็นการขัดกับกฏหมายจัดตั้ง เพราะจะทำให้ไม่สามารถทำงานอุทิศตนให้แก่ภารกิจ กสทช. ได้ "เต็มเวลา" แม้ว่าสุดท้ายแล้วเจ้าตัวจะปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งก็ตาม แต่กระบวนการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการแบงก์ได้ผ่านไปถึงขั้นผ่านที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของแบงก์ไปแล้ว
หากมีเวลาท่านที่ปรึกษาก็กลับไปศึกษากฎหมายให้แตกฉานกว่าจะดีกว่าไหม
ส่วนกลุ่มคนที่ "ไฝว้" ไม่หวังดีที่ยังคงหยิบยกประเด็นคุณสมบัติของท่านประธาน กสทช. มาโจมตีอะไรที่ว่านั่น นอกจากเครือข่ายสภาองค์กรผู้บริโภค ที่เขายึดถือผลสรุปของ กมธ.ไอซีที วุฒิสภา และหนังสือของประธานวุฒิสภาที่ส่งไปยังนายกรัฐมนตรี แล้ว ยังมี กมธ. ความมั่นคงและกิจการชายแดน สภาผู้แทน ที่มี นายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน รวมทั้งยังมี "น้องไอซ์-รักชนก ศรีนอก" ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน (ปชน.) ด้วยนะท่านที่ปรึกษา

อ้อ ยังรวมทั้ง สว.ชุดนี้ที่เพิ่งเปิดเวทีอภิปรายสับเละบทบาทของ กสทช. แบบสอบตกทุกด้านด้วยอีกนะ
อยากจะ "ไฝว้" ใครก็ไฝว้ไปเหอะ แต่กะ "น้องไอซ์-รักชนก ศรีนอก" นั้น แม้แต่ "กัน จอมพลัง" ยังต้องหลีกทางให้ จริงไม่จริง!!!