
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน “สว.” นานกว่า 9 เดือน นับแต่วันที่ 6 มี.ค.68
โดยช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา การสอบสวนรวยรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบเส้นทางการเงินของบุคคล รวม 8 ราย ประกอบด้วย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตัวจริง 2 ราย และเครือข่ายพรรคการเมืองดัง 6 ราย ที่มีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 ฐานกระทำความผิดอั้งยี่ จึงได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 ราย ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอั้งยี่-ฟอกเงิน “สว.” ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และพนักงานอัยการ จากสำนักงานการสอบสวน ได้มีการประชุมหารือร่วมกันในประเด็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว สว. ซึ่งจากการสอบปากคำพยานหลายปาก และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเส้นทางการเงินในห้วงเวลาก่อนการเลือก สว. ระหว่างเลือก สว. และภายหลังเสร็จสิ้นการเลือก สว. พบมีการรับโอนเงินระหว่างกันแบบผิดปกติ ถี่และบ่อยครั้ง
อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันในเชิงต่างตอบแทน เมื่อบุคคลนั้นได้รับเลือกเป็น สว.ระดับประเทศ จึงพบว่า มีผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจนในพฤติการณ์ รวมจำนวนเบื้องต้น 8 ราย จากการกระทำความผิดฐานอั้งยี่และฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ส่วนใหญ่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการฮั้ว สว.

แต่เมื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งดีเอสไอและพนักงานอัยการ ได้ร่วมกันตรวจทานคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว พบว่าในรายละเอียดการชี้แจงไม่สามารถ “หักล้าง” ข้อกล่าวหาและพยานหลักฐานการอั้งยี่และฟอกเงินได้ จึงมีมติเห็นพ้องกัน ให้สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาล็อตแรก 8 ราย ไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของอัยการต่อไป
สำหรับผู้ต้องหาล็อตแรก ประกอบด้วย 1. น.ส.นิสิตา เครือข่ายพรรคการเมืองใหญ่ 2. นายสุบิน นักการเมืองท้องถิ่นภาคใต้ 3. นายวรพจน์ ผู้บริหาร 4. นางผกามาศ 5. สว.คนหนึ่งจาก จ.สุราษฎร์ธานี 6. นายวงศกร อดีตผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย 7. สว.คนหนึ่งจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ 8. นายเลิศศักดิ์ นักธุรกิจเอกชนในภาคใต้
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้าติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในเรื่องของคดีทุจริตเลือก สว. ปี 67 หรือ คดีฮั้ว สว. หลังเห็นว่าการพิจารณาคดีล่าช้าเกินกรอบเวลาที่กำหนด

พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ดีเอสไอรับผิดชอบเรื่องอั้งยี่และฟอกเงิน โดยพบพยานหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้อง 8 ราย ในจำนวนนี้มี สว. 2 ราย ทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงการแจ้งข้อกล่าวหาได้ ทั้งนี้ได้มีการส่งข้อมูลเส้นทางการเงินดังกล่าวไปยัง กกต. เพื่อประกอบสำนวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ซึ่งเป็นที่มาของการประชุม กกต. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติ 3 ต่อ 2 ให้ขอข้อมูลจากดีเอสไอมาประกอบสำนวน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการทำหนังสือขอพยานหลักฐานอย่างเป็นทางการ โดยอ้างว่ารอกกต.ชุดใหม่มาครบก่อน
จากท่าทีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า กรรมการบางรายพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ต้องการนำพยานหลักฐานสำคัญ โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน เข้าสู่การพิจารณา จึงขอเรียกร้องให้ กกต. ชุดใหม่เร่งประชุมและดำเนินการขอพยานหลักฐานจากดีเอสไอโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคม สำหรับคดีทุจริตการเลือก สว. ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.โดยตรง
ปัจจุบันมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องแล้ว 229 ราย โดยสำนวนผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยข้อโต้แย้งครบ 90 วันแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกกต. จึงขอให้ กกต. เร่งวินิจฉัยคดีโดยยึดหลักพยานหลักฐาน ความสุจริต และความเที่ยงธรรม เพื่อรักษาความศรัทธาของประชาชนต่อระบบการเมืองไทย
เสือออนไลน์