ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอต เป็นทอล์ก ออฟเดอะ ทาวน์..
กับเรื่องที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ออกมา “โยนก้อนหินถามทาง” ภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยม “ศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS” ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ของกรมขนส่งทางบกไปวันก่อน
พร้อมออกมาเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้มอบหมายให้ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมขนส่งทางบก ไปศึกษาต่อยอดการนำเอาระบบจีพีเอส (GPS) ที่บังคับให้รถโดยสารสาธารณะแท็กซี่และรถบรรทุกต้องติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวอยู่ในปัจจุบันว่า จะสามารถติดยอดบังคับให้รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดจนรถจักรยานยนต์ติดเครื่องมือดังกล่าวได้หรือไม่ ทั้งนี้โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถลดปัญหาอุบัติเหตุ และติดตามกรณีการเกิดเหตุการณ์อาชญากรรมได้
อย่างไรก็ตาม กรมขนส่งทางบกจะต้องไปพิจารณาในเรื่องของราคาอุปกรณ์และค่าบริการด้วยว่าจะรับได้แค่ไหน โดยราคาอุปกรณ์จีพีเอสในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท/คัน และค่าบริการระบบอีก 300 บาท/คัน ถือว่าเป็นราคาที่ถูกลงกว่าในอดีตแล้ว แต่จะต้องทำให้ถูกลงอีก หากบังคับได้ครบ
ทั้งนี้หากสามารถบังคับให้รถยนต์และจักรยานยนต์ติดตั้งระบบจีพีเอสได้ทั้งหมดกรมขนส่งทางบกจะสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ทั้งการใช้ความเร็ว การแสดงสถานที่ของรถยนต์ เพื่อลดการก่ออาชญากรรม และการจำกัดความเร็วให้ได้ผล แต่การบังคับใช้นี้จะต้องรับฟังความเห็นประชาชนก่อนอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงศึกษาข้อกฎหมาย ว่าจะกระทบสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ไปจนถึงว่าจะบังคับใช้เป็นกฎกระทรวงหรือกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดน่าจะชัดเจนภายใน 1 ปี
"แม้บางเรื่องอาจกระทบสิทธิ์ของประชาชน แต่ถ้าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ก็ต้องยอม"
ประสาคนมีรถเชื่อแน่ว่า เป็นใครก็คงร้องจ๊ากแน่ แม้ว่าการติดตั้งระบบดังกล่าวนั้น สำหรับผู้มีรถยนต์โดยทั่วไปอาจไม่ใช่ภาระใหญ่ แต่สำหรับคนที่หาเช้ากินค่ำนั้น คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ เพราะมันไม่ได้มีแค่ค่าอุปกรณ์จีพีเอสเท่านั้น ยังมีเรื่องของค่าบริการรายเดือน เดือนละ 200-300 บาทต่อมาอีก ขนาดมือถือธรรมดาส่วนใหญ่ยังเป็นระบบเติมเงินกันอยู่เลย แล้วจะไปบังคับให้ต้องติดตั้งจีพีเอสให้เสียสตุ้งสตังค์กันอีกหรือ?
สิ่งที่รัฐและกระทรวงคมนาคมควรจัดลำดับความสำคัญนั้น ควรจะหันไปทุ่มเทการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของ ”บริการสาธารณะ ทำอย่างไรให้มีระบบ Mass Transit จะรถโดยสาร รถไฟฟ้า หรือบริการสาธารณะอื่นใดที่มีประสิทธิภาพ” ให้บริการได้อย่างครอบคลุม “ไม่ใช่มีรถแท็กซี่กันเกลื่อนเมือง แต่เลือกและปฏิเสธผู้โดยสารกันเต็มเมือง” พอเขามีเทคโนโลยีใหม่จะแกร๊บไบค์ แกร๊บคาร์ หรืออูเบอร์เข้ามาแย่งซีน ก็ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ทั้งที่ตนเองนั่นแหล่ะบีบให้ประชาชนคนไทยต้องเลือก
ในส่วนของข้ออ้างลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาอาชญากรรมนั้น ก็คงต้องย้อนถามกลับไปยังกรมการขนส่งทางบกและกระทรวงคมนาคมว่า ลองหวนกลับไปตรวจสอบเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกเคยกำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท
โดยเฉพาะ ”แท็กซี่และรถตู้โดยสารสาธารณะ” ทั้งหลายต้องติดตั้งระบบจีพีเอสที่ว่า ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมานั่นก่อนเป็นไร ที่บอกจะต้องติดตั้ง GPS และเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบกนั้น วันนี้ช่วยบอกทีได้ไหม
กรมฯ เคยมีรายงานไหมว่า ได้มีการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดวิ่งเร็ว ขับฉวัดเฉวียน มีการรวบรวมข้อมูลการใช้ความเร็วชั่วโมงการขับขี่ และตำแหน่งพิกัดของรถ ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามพฤติกรรมผู้ขับรถได้ เป็นต้นว่าขับฉวัดเฉวียน นอกเส้นทางหรือเอาใครก็ไม่รู้ขึ้นมาขับแทนเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก
“วันวานเรายังเห็นรถโดยสารสาธารณะซิ่งแข่งรับผู้โดยสาร เห็นรถตู้โดยสารเทกระจาด หรือยังคงเห็นรถแท็กซี่ขับซิ่งหรือแท็กซี่หัวร้อนกันอยู่เลย”
หนักข้อเข้าแม้แต่ ”มิจฉาชีพที่ไม่มีใบขับขี่ยังดอดมาเช่าแท็กซี่ขับได้กันอยู่เลย” แล้วศูนย์ควบคุมจีพีเอสที่ว่าทำอะไรได้บ้าง บรรดารถแท็กซี่สาธารณะที่ติดเครื่องเจ้ากรรมดังกล่าวไปแล้ว มีการประพฤติตนเป็นที่พอใจของประชาชนผู้ใช้บริการแค่ไหน สามารถลดปัญหาที่ท่านอ้างได้จริงหรือ?
เหนือสิ่งอื่นใด กับสภาพท้องถนนในเมืองไทยอย่างกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่ที่ขอโทษเถอะ!
อย่าว่าแต่ขับรถเร็วอะไรเลย เอาให้มันวิ่งให้ได้สัก 10 กม.ต่อชั่วโมง ยังยากเลย รถติดหนึบคืบได้ 2-3 กม./ชม. ขยับไปไหนก็ไม่ได้นั้น จะติดตั้งระบบจีพีเอสไปหาพระแสงอะไรกันหรือ?
จะตรวจสอบมารยาทคนขับ ตรวจสอบการขับนอกเส้นทางอะไรหรือ ในเมื่อรถรามันก็แทบจะไม่ขยับอยู่แล้วในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล หรือแม้แต่หัวเมืองใหญ่ ๆ ในเวลานี้ เอาแค่ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่ปฏิเสธรับผู้โดยสารยังไม่ได้เลย
แล้วจะไปบังคับประชาชนคนใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไป หรือแม้แต่สิงมอเตอร์ไซด์ให้ต้องติดตั้งจีพีเอสเพื่ออะไร?
คิดหรือว่าติดตั้งจีพีเอสไปแล้วบรรดาสิงห์มอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะบรรดาวิน จยย. ที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกันเป็นพัน เป็นหมื่นวิน ทุกตรอกซอกซอยและทุกถนนนั้น มันจะปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด จะไม่มีการขับฉวัดเฉวียน ไม่มีการขับย้อนศร วิ่งขึ้นบนฟุตปาธ สิ่งเหล่านี้ระบบจีพีเอสมันช่วยอะไรได้หรือ
แค่ Enforce กฎหมายที่มีอยู่ให้ได้เสียก่อน จะไปผุดไอเดียบรรเจิดอะไรมาอีก เพราะสันดานนักการเมืองนั้น แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้วครับ เป้าหมายสุดท้ายเพื่ออะไร?
โดย...แก่งหินเพิง