ข่าวดังเกี่ยวกับการลักพาตัว นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 37 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้ลี้ภัยทางการเมือง และเป็นแอดมินเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” หลังถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มขึ้นรถยนต์หายตัวไปในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 17.54 น. วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงว่าทราบข่าวจากสื่อฯ ว่า นายวันเฉลิมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกอุ้มตัวไปโดยนายวันเฉลิมเป็นผู้ต้องหาในหมายจับตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อปี 61 กรณีแชร์และโพสต์ข้อความ โดยมีคนส่วนหนึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 8-9 คนสำหรับการถูกอุ้มในครั้งนี้ทางตำรวจไทยไม่ทราบ เพราะอยู่นอกราชอาณาจักร ส่วนจะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กัมพูชาตามหมายจับหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานจากทางกัมพูชามีรายงานด้วยว่า นายวันเฉลิมหลบหนีไปกัมพูชา หลังเกิดการรัฐประหารเดือน พ.ค. 57 และถูกเรียกให้ไปรายงานตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เขาไม่ไป จึงถูกออกหมายจับต่อมามีข่าวว่า นายวันเฉลิมลี้ภัยไปอยู่ประเทศลาว แล้วย้ายไปอยู่กัมพูชา โดยทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรที่นั่น ซึ่งที่ผ่านมามีคนแนะนำให้เขาขอลี้ภัยไปอยู่ยุโรป ซึ่งจะปลอดภัยกว่า โดยมีคนช่วยติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆให้ แต่นายวันเฉลิมไม่ไป เนื่องจากเห็นว่ากัมพูชาอยู่ใกล้บ้าน ญาติพี่น้องสามารถเดินทางไปเยี่ยมได้อย่างสะดวก แต่สุดท้ายก็ถูกอุ้มตัวหายไปอย่างไม่ทราบชะตากรรม“เสือออนไลน์” สอบถามไปยังคนใกล้ชิดของผู้ใหญ่ระดับประเทศ เกี่ยวกับผู้หลบหนีคดี และการลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดของผู้ใหญ่ระดับประเทศ ว่า “อันที่จริงคนที่หนีคดี หรือลี้ภัยการเมืองไปอยู่กัมพูชา ถือว่ามีความปลอดภัยกว่าไปอยู่ลาว-เมียนมา นะ แต่นั่นหมายถึงมีการมาฝาก และมาขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ เพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้ แล้วผู้ใหญ่จะได้ฝากกับผู้ใหญ่ของกัมพูชาให้ช่วยดูแล”มีหลายๆ คนไทยที่หลบหนีไปอยู่ในกัมพูชา แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ ก็สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย เพราะทางฝ่ายเขา จัดคนมาดูแล คอยเป็นหูเป็นตาให้ และมีพาสปอร์ต เดินทางไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ทหาร-ตำรวจของประเทศเพื่อนบ้าน เงินสามารถซื้อได้ ถ้าคุณคิดว่าไปอยู่กัมพูชา โดยที่ไม่ผ่านผู้ใหญ่สองฝ่ายรับรู้ เพราะคิดว่ามีคนอื่นดูแลอยู่แล้ว แต่คนที่ดูแลคุณ มีเพาเวอร์ และมีบารมีแค่ไหน ก็สู้ “ผู้ใหญ่”ที่กล่าวถึงนี้ไม่ได้ “อย่างผมเวลาไปทำงานในกัมพูชา ผู้ใหญ่ทางโน้นเขาก็ทราบ และส่งคนมาดูแล ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน จนกระทั่งส่งขึ้นเครื่องบินกลับ แล้วเขายังต้องรายงานให้ผู้ใหญ่ทราบทั้งหมด" มันเป็นแบบนี้จริงๆ ถึงต้องบอกว่าถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ จึงจะชัวร์ และอยู่ได้อย่างปลอดภัย ไปไหนมาไหนมีคนดูแล และได้พาสปอร์ต แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่รู้ ไม่ได้ฝากฝังกัน มันก็เสี่ยง แล้วอย่างที่บอกว่าทหาร-ตำรวจในบางประเทศ เงินซื้อได้” คนใกล้ชิดของผู้ใหญ่ระดับประเทศ กล่าวตบท้ายโดย..เสือออนไลน์