ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย กรณี 4 กุมาร คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง จะประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
เหลือแต่เก้าอี้รัฐมนตรีที่นั่งกันอยู่ ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าจะตัดสินใจอย่างไร? จะปรับคณะรัฐมนตรี ปรับเมื่อไหร่? ล้วนเป็นคำถามที่จุกอก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ณ ขณะนี้
อย่าลืมว่า 4 กุมารนั้น เป็นมือทำงานของเฮียกวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และเป็นทีมเศรษฐกิจกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ช่วงก่อร่างสร้างพรรคพลังประชารัฐใหม่ๆ ก็ได้นายสมคิดกับ 4 กุมารนี่แหล่ะ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ แล้วก็ดันนายอุตตม ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ดันนายสนธิรัตน์เป็นเลขาธิการพรรค หลังจากนั้นก็ไปตามจีบ ตามดูดอดีต ส.ส.กลุ่มต่างๆ เข้ามามากมาย
อย่าลืมว่า นายอุตตมในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกฯเพียงชื่อเดียวในช่วงก่อนเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค. 62 ทั้งที่แต่ละพรรคการเมืองสามารถเสนอแคนดิเดตได้ 3 ชื่อ
แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป กาลเวลาย่อมเปลี่ยนใจคน นายสมคิดกับ 4 กุมาร จากกลุ่มคนที่มีคุณค่า มีราคาของพรรค ผ่านมาเพียงแค่ปีกว่าๆ กลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีค่าในสายตาส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ไปเสียแล้ว
ส.ส.หลายกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐ จับมือกันโค่นนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอย่างง่ายดาย เพราะนายสมคิดกับ 4 กุมารไม่มีส.ส.อยู่ในมือแม้แต่คนเดียว
แถมช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 นายสมคิดกับ 4 กุมาร ถูกโจมตีว่า ไม่ดูแล ส.ส.ของพรรค ถ้าเป็นแบบนี้เลือกตั้งคราวหน้าพรรคพ่ายแพ้ย่อยยับแน่ ผสมโรงกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ไม่เอาไหน ทำให้การเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
ได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาเป็นหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย เป็นเลขาฯ พรรค และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็น ผอ.พรรค
ถ้าจับอาการนายสมคิดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จะทราบดีว่า นายสมคิดพูดจาแปลกๆ หลายครั้ง เหมือนไม่มีใจอยู่ร่วมรัฐบาลแล้ว ไม่ว่าจะเสนอให้นายกฯ ยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเข้ามาบริหารประเทศหลังวิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้ นายสมคิดยังโบ้ยให้สื่อมวลชนไปสอบถามตัวเลขเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจกันเอาเอง เพราะนายสมคิดรู้ดีว่าสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ดูไม่จืด “จีดีพี” ติดลบ 8-10% คนตกงานเฉียด 10 ล้านคน นักศึกษาจบใหม่ 5 แสนคน ไม่มีงานทำ ใครเข้ามาตอนนี้ก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่เหมือนสิงคโปร์
จับอาการแล้วถ้านายสมคิดกับ 4 กุมารอยู่ร่วมในคณะรัฐมนตรีกันต่อไป ก็คงอึดอัด ทำงานกันลำบาก ไม่รู้จะมองหน้ากันอย่างไร เพราะ ส.ส.หลายคนในพรรคพลังประชารัฐ เอ่ยปากขับไล่แล้ว เพราะถ้านายสมคิดกับ 4 กุมารลุกออกไป จะมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าง 4 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ คน
ที่แน่ๆ นายอนุชา เลขาฯ พรรค ก็ต้องอยากเป็นรัฐมนตรี นายสันติที่เป็น รมช.คลัง อยู่แล้ว ถ้าจะปรับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ เขาคงไม่ปฏิเสธ เนื่องจากนายสันติเป็นทั้ง ผอ.พรรค และเป็นเจ้าของตึกที่ทำการพรรคในปัจจุบัน
แต่จับอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ในยามนี้ ต้องบอกว่ายังรู้สึก “อาลัยอาวรณ์” นายสมคิดกับ 4 กุมารที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ครั้นจะทำเฉยไม่ปรับคณะรัฐมนตรี เสถียรภาพของรัฐบาลและงานในสภาฯ ก็อยู่ลำบาก!
ถ้าปรับคณะรัฐมนตรี คงมีแรงกระเพื่อมทุกพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหลายพรรคอยากให้ปรับคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองเล็กๆ
ถ้าจะปรับคณะรัฐมนตรี ปรับเมื่อไหร่? จะรีบปรับตอนนี้อาจมีปัญหาเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 64 ที่ยังค้างอยู่ในสภาฯ กว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 64 จะเสร็จทุกขั้นตอนก็ปลายเดือน ก.ย.โน่นแหล่ะ
พูดง่ายๆ ว่า จะรีบปรับคณะรัฐมนตรีตอนนี้ หรือไปปรับหลังจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 64 ผ่านทุกขั้นตอนแล้วในช่วงปลายเดือน ก.ย. คนที่อยากให้ปรับคณะรัฐมนตรีเร็วๆ จะรอไหวหรือ?
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอย่าลืมว่า ตอนนี้การเมืองไทยอยู่ใน “ระบบรัฐสภา” ต้องพึ่งมือ ส.ส.ที่มีฤทธิ์กันทั้งนั้น ไม่ใช่ระบอบ คสช. ไม่ใช่ “รัฐราชการ” เหมือนในอดีต
การเมืองในระบบรัฐสภาตอนนี้ต้องพื่งมือ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสภาฯ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถ้า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลพากันเบี้ยวขึ้นมา ไม่อยู่ในห้องประชุม องค์ประชุมไม่ครบ สภาฯ ก็ล่ม แล้วการประชุมสภาฯ เพิ่งล่มไปเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 เพราะส.ส.ฝ่ายรัฐบาลโดดประชุม 55 คน งานนี้เหมือนต้องการ “ลองของ” พล.อ.ประยุทธ์
เอาเป็นว่า ปัจจุบันการเมืองไทยกำลังอยู่ในเกมของ “ระบบรัฐสภา” กำลังไล่ต้อน “ระบอบ คสช.” แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมี ส.ว. 250 คน ที่ตั้งมากับมือ แต่ ส.ว.เหล่านี้มายกมือช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้
ย้ำว่า เป็นเกมในระบบรัฐสภา กำลังไล่ต้อนระบอบคสช. ซึ่งไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะทนทานได้นานแค่ไหน ถ้าทนไม่ไหว ก็คงต้องยุบสภาฯ ล้มกระดานกันใหม่!
โดย..เสือออนไลน์