ภาษิตโบราณท่านว่าไว้ "นักรบอย่าได้คิดเปลี่ยนม้ากลางศึก" เพราะจะทำให้พ่ายแพ้สงคราม และทำให้กลยุทธ์ที่วางไว้เกิดความเสียหายนั้น ดูจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ผู้คนต่างแสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเดินไปสู่กับดัก และ "วงจรอุบาทว์"เพราะขณะที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติอย่างหนักหนาสาหัส แรงงานจ่อจะต้องตกงานกว่า 8-10 ล้านคนในปีนี้ และจำเป็นที่รัฐต้องเรียกศรัทธาและความเชื่อมั่น เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่จมปลักจ่อจะต้องติดลบ (-)ไปถึง 10% นั้น..รัฐบาล "บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์" กลับ "ดั้นเมฆ" จะปรับปรุงคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพียงเพื่อสนองตัณหานักการเมืองที่รายล้อมตัวเองเท่านั้นแถมโผ ครม.ใหม่ที่เล็ดรอดออกมา หลังจากนักการเมืองแยกเขี้ยวโชว์งากันสนั่นเมือง ก็ไม่ได้เรียกศรัทธาและความเชื่อมั่นใดๆ ให้กับรัฐบาลได้เลย ตรงกันข้ามกับกลายเป็น ”มหากรรมเปลี่ยนมันกลางศึก” ในท่ามกลางวิกฤตไวรัสสูบนรก โควิด-19 โดยแท้อย่างนักการเมืองรุ่นเก๋า ที่กำลังล็อคเป้าจะคั่วกระทรวงพลังงานให้แกนนำสามมิตรอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ชนิดที่ "หมูจะหาม(ใคร)ก็อย่าเอาคานมาสอด" แม้แต่นายกฯ บิ๊กตู่เองนั้นเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่า ท้ายที่สุดแล้ว นายกฯ ตู่ของเราจะทานกระแสกดดันรายรอบตัวนี้แค่ไหน และสุดท้ายแล้วจะประคับประคองรัฐนาวาชุดนี้ให้เดินไปตลอดรอดฝั่งได้อย่างไร หากแม้นแต่พลังกดดันภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ก็ยังไม่มีเพาเวอร์จะจัดการกับเรื่องที่จั่วหัวไว้ เรื่องของมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังจมปลักที่รัฐบาลจัดแพคเกจ "เที่ยวปันสุข" ให้ผู้คนไปลงทะเบียนรับสิทธิส่วนลดห้องพักสำหรับการท่องเที่ยวข้ามจังหวัด ขณะที่อีกแพ็คเกจนั้นเป็นโครงการที่รัฐต้องการตอบแทนบุคลากร ที่ทำการปฎิบัติงานในการรับมือกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีจำนวนกว่า 1.2 ล้านคน จะได้รับการสนันสนุนงบฯศึกษาดูงานผ่านการเดินทางกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศ โดยทั้ง 2 แพ็คเกจ โดยจะมีระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่กรกฎาคมไปจนถึงตุลาคม 2563แต่ที่กำลังเกิด "ดราม่า" ขึ้นก็เพราะเอาเข้าจริงผู้คนที่แห่ไปลงทะเบียนใช้สิทธิ์พอจองไปยังโรงแรม รีสอร์ทปลายทาง ก็กลับถูกอัพราคาห้องพัก เพื่อกินส่วนต่างจากมาตรการของรัฐเมื่อคิดสารตะแล้ว ก็เท่ากับที่วอล์กอินไปเทียวแบบไม่ต้องใช้สิทธ์ ทำเอาประชาชนคนไทยที่หวังจะปลดปบ่อยหลังจากทนอัดอั้นกักตัวกันมานาน 5-6 เดือน ถึงกับอึ้งกิมกี่หลายคนพาลยกเลิกการเที่ยวไปเลยก็มี เพราะรับไม่ได้กับการฉวยโอกาสแบบนี้แต่ทั้งหลายทั้งปวงของมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรฐกิจ ก็กลับจะมาตกม้าตาย เพราะ พรก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ งัดขึ้นมารับมือกับวิกฤตไว้รัสโควิด-19 จากเดิมที่จะใช้ "ล็อคดาวน์" ประเทศเป็นการขั่วคราวเพียง 2-3 เดือน แต่ไม่รู้เหตุใดทำไปทำมาทำท่าจะกลายเป็นมาตรการ "ชั่วโคตร" ไปแล้วคือร้องขอต่อ พรก.ฉุกเฉินกันไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่สถานการณ์และวิกฤติไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยนั้นไม่ได้แพร่ขยายรุนแรงจนเอาไม่อยู่ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ สบค. ก็ได้พิจารณาต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือนสิงหาคม ท่ามกลางเสียงยี้กระหึ่มเมือง ที่ยังคงเชื่อว่า ถึงเวลานายกฯ ก็คงงัดลูกไม้เก่าขอต่อ พรก.ฉุกเฉินดังกล่าวไปอีก!แม้ "นายกฯ บิ๊กตู่ - พลเอกประยุทธ์" จะยืนยันนั่งยันว่า การต่อเวลา พรก.ฉุกเฉินดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องการใช้อำนาจพิเศษเพื่อสกัดไวรัสโควิด-19 ล้วนๆ แต่ประชาชนคนไทยต่างดูออกว่า มันไม่ใช่เรื่องของไวรัสโควิด-19 แล้ว แต่เป็นเพราะรัฐบาลขยาดกลัวม็อบพลังนิสิต-นักศึกษาที่กำลังเบ่งบานออกมาประท้วงกันเป็นรายวัน เพราะทุกครั้งที่มีการชุมนุมประท้วง ข้อหาแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงประเคนให้บรรดาแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงก็คือ กระทำผิด พรก.ฉุกเฉิน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการสกัดไวรัส covid-19 แม้แต่น้อย!ด้วยเหตุนี้เมื่อรัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หวังจะให้ผู้คนที่เก็บกดมานานได้ออกไปเปิดหูเปิดตากันเสียที รวมทั้งล่าสุดที่ ศบค.เตรียมประกาศคลายล็อกเฟส 6 อนุญาต 4 กลุ่มชาวต่างเข้าประเทศเข้าไทย คือ 1. ต่างชาติจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร 2. กองถ่ายทำภาพยนตร์ 3. แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่จะเข้ามาเป็นแรงงาน และ 4. กลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาล เช่น เสริมความงาม และปรึกษาเรื่องการมีบุตรฯ เป็นต้นแต่อีกด้านก็กลับขยาดกลัวพลังนักศึกษา และฝ่ายตรงข้าม เลยต้องคง พรก.ฉุกเฉินจาก "ชั่วคราว" เป็น "ชั่วโคตร" เช่นนี้ มันจึงเป็นอะไรที่ภาษิตโบราณเขาเรียกว่า นโยบายควงสว่าน คือเหยียบคันเร่ง แล้วกระตุกเบรก หรือที่จะเรียกว่า Drifting policy นั่นแหล่ะใครที่ไม่รู้ว่า Drifting Policy เป็นยังไงก็ลองดูหนังมหกาพย์สุดมันส์บ้าระห่ำของฮอลลีวู้ด Fast&Furious ในภาค 3 Tokyo Drift ของพระเอกหัวหลิม จะเห็นการแข่งรถที่เรียกว่า Drift คือเหยียบคันเร่งมิดเกย์ แต่กลับดึงเบรกมือสุดแรงเกิด มันจึงเกิดอาการควงสว่าน ค่อยๆ ประคองรถลงจากเขา หากประคองไม่ดีก็ตกเหวไปตามระเบียบนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐไทยในวันนี้ก็เช่นกัน จะเอาอะไรสักอย่างก็ไม่เอา จะให้เหยียบคันเร่งมิดเกย์ ก็ดันมากระตุกเบรกมือเอาไว้สุดลิ่ม เศรษฐกิจไทยมันถึงหันรีหัวขวาง "ควงสว่าน" กันอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ!!!โดย แก่งหินเพิง