ถ้ายังจำกันได้ “ม็อบนกหวีด” ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงปลายปี 56 คือกลุ่มคนต้นคิดวาทกรรมการ “ปฏิรูป”
พวกเขาต้องการ “ปฏิรูปการเมือง” ขนาดนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภาให้แล้ว และจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.57 แต่ม็อบนกหวีดไม่เอา!
พวกเขายืนกระต่ายขาเดียวว่า..ต้องปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง!
ดังนั้น พวกเขาจึงขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งในเดือน ก.พ.57 กลายเป็นโมฆะ ไม่เอาการเลือกตั้ง แต่ขอปฏิรูปการเมืองก่อน จนทหารเข้ามาทำรัฐประหารในเดือน พ.ค.57
คนไทยได้รัฐบาลทหารบริหารประเทศมาหลายปี ส่งผลให้สภาพการทำมาค้าขายฝืดเคือง เศรษฐกิจย่ำแย่ไปตามๆ กัน
แค่นั้นไม่พอยังได้รัฐธรรมนูญฉบับ ”ถอยหลังเข้าคลอง” ได้ ส.ว. 250 คน มาจากการลากตั้ง แล้วได้การเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีบัตรเขย่งแล้ว เขย่งอีก จนได้รัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรคการเมือง มากที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
จาก “ปฏิรูปการเมือง” ของม็อบนกหวีด!
ตอนนี้เลยลุกลามกลายเป็นเสียงเรียกร้องของประชาชน นักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อคณะ “ราษฎร63” จึงออกมาเรียกร้องบ้าง
คือ..การเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ เรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพ เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน และเรียกร้องให้ปฏิรูประบบการศึกษาในโรงเรียน
ประเดิมด้วยการขอแต่งชุด “ไปรเวท” ไปโรงเรียน
นอกจากนี้คณะราษฎร 63 ยังเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเหมือนสังคมโลก โดยไม่ต้องมี ส.ว.จากการลากตั้ง มายกมือโหวตในสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
เดิมทีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับปากว่ารัฐบาลจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญผ่าน 3 วาระรวด ภายในเดือน ธ.ค.63
แต่ “เสือออนไลน์” ประเมินแล้วถึงอย่างไรก็ไม่ทัน! ต้องลากยาวไปถึงเดือน มี.ค.-เม.ย. 64
ทำไม? จึงเป็นแบบนั้น?
ก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความจริงใจ ที่จะช่วยเคลียร์ด่านของ ส.ว. และองค์กรอิสระให้สำเร็จเรียบร้อย
คอยดูหลังจากนี้ จะมีบรรดาเครือข่ายคนกันเองของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความโน่นนี่อีก เพื่อถ่วงเวลา โดยเฉพาะประเด็นการได้มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
พูดง่ายๆ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะลากยาวไปถึงปีหน้า ไม่ใช่ให้ผ่าน 3 วาระภายในเดือน ธ.ค.นี้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยลั่นวาจาไว้
เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องลากยาวออกไป ในขณะที่ “คณะกรรมการสมานฉันท์” ที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นโต้โผใหญ่ ดูแล้วจะไม่ได้เกิด!
เนื่องจากพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งคณะราษฎร 63 ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมสังฆกรรมด้วย
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินหน้าเอาผิดแกนนำคณะราษฎร 63 หลายคน ตามมาตรา 112 เรียกว่าเหมือนการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เพราะมองเกมแล้วคณะราษฎร 63 จะยกระดับการชุมนุมเรียกร้องขึ้นไปอีก หลังจากพวกเขาประกาศชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ รวมทั้งที่ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ หน้าค่ายทหารร.1 รอ. ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรี และหน้าค่ายทหาร ร.11 ย่านบางเขน กันมาแล้ว
ความเคลื่อนไหวของคณะราษฎร 63 ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในเป้าสายตาของสังคมโลกปะชาธิปไตยมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อ 2 วันก่อน ส.ว.ชุดหนึ่งของสหรัฐอเมริกา นำโดย “แทมมี่ ดักเวิร์ธ” ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐบาลไทยรับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ควรเคารพสิทธิการแสดงออกของประชาชน รวมทั้งการปล่อยตัวและหยุดคุกคามผู้ชุมนุม
งานนี้เรียกว่าไม่มีใครยอมใครแล้ว เพราะคณะราษฎร 63 ถือว่ามีสังคมโลกหนุนหลัง ในขณะที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถืออำนาจรัฐไว้ในมือ กับ ส.ว.ลากตั้งและผู้สนับสนุน ก็คงไม่ยอมรับข้อเสนอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้ผ่านไปได้โดยง่ายๆ รวมทั้งกรณีการปฏิรูปสถาบันฯ คงยอมไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครถอย ก็ต้องอยู่ที่คนกลาง คือ “กองทัพ” จะทนนิ่งเงียบต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เคยออกมาย้ำไป 2 ครั้ง ว่าโอกาสการปฏิวัติรัฐประหารเป็น “ศูนย์” และ “ติดลบ” ด้วยซ้ำ!
จะทนทานต่อแรงกดดันได้นานแค่ไหน เพราะมองแนวโน้มของสถานการณ์ เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า คณะกรรมการสมานฉันท์ไม่เกิด แต่ยังเอามาตรา 112 มาเล่นงานแกนนำคณะราษฎร 63
เรียกว่า..ไม่มีใครถอย ไม่ลดลาวาศอกกันเลย สุดท้ายปลายทางย่อมหนีการ “รัฐประหาร” ไปไม่พ้น!
โดย..เสือออนไลน์