ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา(อีกตามเคย)กับมหกรรม “เตะหมูเข้าปากหมา” ของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือกองสลาก ที่ผุดไอเดียสุดบรรเจิดในการแก้ลำหวยแพง หรือแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา ด้วยการนำเสนอมาตรการพิมพ์สลากแบบคละเลขให้กับเอเย่นต์ผู้ค้าหวยรายย่อยทั้งหลาย เพื่อให้ยากแก่การนำไปรวมเป็นหวยชุดโขกราคาเอากับนักแสวงโชคทั้งหลาย โดยดีเดย์มาตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหวังจะให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนผู้นิยมแสวงโชคลาภทั้งหลายแต่กลับปรากฏว่า มาตรการแก้ลำหวยแพงดังกล่าวกลับเหลวไม่เป็นท่า กลับกลายเป็นรายการ "เสียค่าโง่" ให้พ่อค้าหวยอีกคำรบ เพราะหลังจากกองสลากดีเดย์จำหน่ายสลากแบบคละเลขออกมากลับปรากฏว่า บรรดาพ่อค้าหวยรายใหญ่ รายย่อยยังคงตั้งหน้าตั้งตาขายหวยกันใบละ 100 โจ๋งครึ่มหนักเข้าไปอีก เพราะคราวนี้ขายราคาใบละ 100 กันทั้งแผงไปเลย จากเดิมที่ยังคงมีใบละ 80 หรือ 90 บาทให้เห็นพอประปราย แต่ของใหม่หลังกองสลากจัดพิมพ์หวยแบบเลขคละบีบบังคับพ่อค้าซื้อกันมาทั้งเล่ม ก็ทำเอาพ่อค้าแสบเหล่านี้พอกันอ้างรับมาแพงเลยต้องขายกันใบละ 100 เสียให้รู้แล้วรู่แร่ด!โดยจากการสำรวจแผงค้าลอตเตอรี่ในตลาดใหญ่ ๆ ทั้งหลายทั้งที่หน้ากองสลากเอง หรือที่ตลาดประชาชื่น ถนอมมิตร ตลาดยิ่งเจริญ และตลาดอื่นๆ อีกหลายแห่ง พบว่า แม้มาตรการใหม่ดังกล่าวจะสามารถสกัดการรวมหวยชุดอย่างได้ผล โดยแต่ละแผง จะมีหวยชุดแบบ 1-2 คู่อยู่ไม่กี่เลขหมายเท่านั้น แต่ผู้ค้าหวยกลับฉวยโอกาสปรับราคาขายหวยใบเดียวในราคาใบละ 100 บาท จากเดิมที่เคยขายเพียงใบละ 80 บาท โดยอ้างว่า ถูกบังคับให้รับมาแพงทั้งชุด จึงต้องขายราคานี้ พร้อมฝากผู้สื่อข่าวแจ้งกลับไปยังสำนักงานสลากด้วยว่า หวยแบบเดิมที่มีหวยชุด 5-10 คู่ หรือ 10-15 คู่นั้น ยังดีเสียกว่าเพราะยังมีหวยใบเดียวที่ขาย 80-90 บาทให้เห็นบ้าง แต่ของใหม่นั้นจำเป็นต้องขายในราคาใบละ 100 บาท จึงจะคุ้มต้นทุนที่รับมาด้านผู้ซื้อสลากรายหนึ่งบอกกับเราว่า มาตรการที่กองสลากออกมานั้นเป็นมาตรการเกาไม่ถูกที่คัน และทำให้ประชาชนสกลับต้องซื้อหวยแพงขึ้นไปอีก ซึ่งหากเป็นดังนี้กองสลากควรกลับไปใช้ระบบเดิมยังจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ยังมีหวยใบเดียวราคา 80 บาทให้เลือกซื้อได้บ้างเห็นแล้วก็ให้นึกย้อนไปถึงมาตรการของรัฐบาล และกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ออกมา “ตีปี๊บ” รณรงค์ลดและงดใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านโมเดิร์นเทรด ทั้งหลายแหล่ก่อนหน้านี้ เพื่อลดขยะพลาสติก ลดภาวะโลกร้อนอะไรก็ตามแต่ แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นรายการเตะหมูเข้าปากหมา บรรดาห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ตและโมเดิร์นเทรด อย่าง บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส แมคโคร หรือแม้แต่เซเว่นฯ (7-11) ต่างขานรับงดแจกถุงหิ้วกันเป็นทิวแถว ประหยัดต้นทุนแจกถุงหิ้วถุงพลาสติกไปอีกมากโข หากประชาชนที่ซื้อของเยอะ จำเป็นต้องใช้ก็ต้องซื้อถุงหิ้ว ถุงกระดาษ หรือแบ๊คแพ็คที่ห้างจัดหามาให้เท่านั้นทำให้บรรดาเจ้าของห้างยักษ์ หรือโมเดิร์นเทรดทั้งหลายสบายใจเฉิบ ไม่ต้องแบกต้นทุนแจกถุงหิ้วอะไรอีก แถมยังมีช่องขายถุงหิ้ว ถุงผ้าได้อีกทางหนึ่งด้วย กลายเป็นมหกรรมเตะหมูเข้าปากหมา เข้าทางกลุ่มทุนไปโดยปริยายก็ไม่รู้งานนี้ บิ๊กตู่จะรู้หรือยังว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ของท่านนั้น เสียรู้ให้กับพ่อค้าไปอีกคำรบแล้ว หรือยังเมาหมัดเพราะสกัดโควิด-19 ไม่อยู่ ถึงได้ยังไม่ตื่นเสียที โดย แก่ง หินเพิง