ยังคงเป็นประเด็นสุด hot เป็น Talk Of The Town..
กับเรื่องที่ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้บริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) อัดคลิปสุดฮือฮาทวงหนี้ค้างค่าเดินรถไฟฟ้า และค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอส 30,000 ล้าน ผ่านสื่อโซเชียล YouTube
เป็นการเปิดมิติใหม่แห่งการทวงหนี้จากภาครัฐ จากปกติที่บริษัทเอกชน มักจะมีแค่หนังสือทวงถามตามตำราก็จบแล้ว แต่รายนี้เข้าใจว่า คงทวงถามจนขี้เกียจจะทวงแล้ว จึงอัดคลิปทวงหนี้ผ่านสื่อซะให้รู้แล้วรู้รอด
ยังดีที่คู่สัญญาจอม "ตึ๋งหนืด" บีทีเอสรายนี้คือ องค์กรปกครองท้องถิ่น กทม. ไม่ใช่หน่วยงานรัฐระดับกระทรวง กรม หรือรัฐวิสาหกิจโดยตรง รัฐบาลจึงอาจลอยตัวเหนือปัญหา สามารถจะ "ชิ่งหนี" เผือกร้อนโยนกลองให้เป็นเรื่องของ กทม.ที่ต้องแก้ปัญหาเอาเองได้ หาไม่งั้นคงขายขี้หน้าเขาไปทั่วแน่!
อย่างไรก็ตาม เห็นบีทีเอสต้องออกโรงทวงหนี้ผ่านสื่อแบบนี้แล้ว ก็ให้นึกย้อนไปถึงหนี้ "ค่าโง่โฮปเวลล์" จำนวนกว่า 25,000 ล้าน ที่รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังดิ้นสุดเฮือกเพื่อประวิงเวลาจ่ายคืน หรือหากเป็นไปได้ก็อยากจะ "ชักดาบ" ซะให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
เราจึงได้เห็นสูตรสำเร็จของการประวิงเวลาจ่ายค่าโง่ก้อนนี้ของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ที่พยายามทำทุกวิถีทางในอันที่จะประวิงเวลาจ่ายค่าโง่ก้อนนี้กันสุดลิ่ม ทั้งพยายามรื้อฟื้นคดี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญบ้าง ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินบ้าง หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ ด้วยหวังว่าคงจะมีสักช่องทางที่จะทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าโง่ได้
หลายฝ่ายได้ออกโรงเตือนสติรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมระวังจะระอุค่าโง่ขึ้นมาเสียเอง เพราะแทนที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ จะไปไล่เบี้ยหาคนรับผิดชอบที่ทำให้รัฐตัองเสียค่าโง่มากถึงเพียงหนี้ กลับมาหาทางประวิงเวลาหาช่องที่จะพลิกไม่ต้องจ่ายเสียอย่างนั้น ทั้งที่มันเลยจุดนั้นมาไม่รู้จักกั่สิบปีเข้าไปแล้ว
หากนับเนื่องจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯต้องจ่ายเงินชดเชย หรือ "ค่าโง่" ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตลาการ ที่มีคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทนี้ไปตั้งแต่ปีมะโว้ 2551-52 ภายใน 6 เดือนนับจากวันที่มีคำพิพากษาหรือภายในวันที่ ตุลาคม 2562 นั้น วงเงินชดเชยที่ต้องจ่ายตามคำชี้ขาดมันได้ทะลักขึ้นมาจากเงินต้น 11,700 ล้านบาท ปาเข้าไปวันนี้กว่า 25,000 ล้านบาทแล้ว
และหากนับจากเส้นตายตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคือตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2562 จนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่า 2 ปีเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่า ค่าโง่ส่วนที่ระอุขึ้นมาใหม่จากความพยายามในการประวิงเวลาจ่ายค่าโง่ดังกล่าวมันจะทะลักขึ้นมาแล้วสักกี่มากน้อย
พอมาพิจารณาจากสถานการณ์ของรัฐในปัจจุบันที่กำลังหืดจับชักหน้าไม่ถึงหลัง ขนาด กทม.ร้องขอให้รัฐเจียดเม็ดเงินมาให้ กทม.สางหนี้ค้างค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อที่กทม. จะได้ไม่ต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร กระทรวงการคลัง ก็ยังมืดแปดด้านไม่สามารถจะเจียดงบที่ไหนมาให้ได้ ทำให้ กทม.พลอยหืดจับหายใจไม่ทั่วท้องตามมาอีกราย
จนกลายเป็นที่มาของการทวงหนี้ค้าง 30,000 ล้านออกสื่อ และพลอยทำให้คิดเลยต่อไปว่า ขนาดหนี้รัฐและหนี้การค้าที่มีสัญญากันเห็นๆ ภาครัฐ และ กทม.ยังไม่มีปัญญาจ่ายคืน (แต่มีปัญญาถลุงงบไปจ่ายอีหนู Crystal Club ทองหล่อ มีปัญญากู้เงินไปละเลงจัดซื้อ ไม้ไล่ผี GT-200 เรือเหาะเรือเหี่ยว ที่ใช้การอะไรไม่ได้ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากค่าโง่เหล่านี้)
เพราะงั้นกับอนาคตของ "ค่าโง่" โฮปเวลล์ 25,000 ล้าน ที่รัฐและกระทรวงคมนาคมต้องจ่ายเป็นค่าโง่ล้วนๆ นั้น จึงนึกไม่ออกเลยว่ามันจะจบลงอย่างไร ขนาดนี่ค้างการค้ายังไม่มีปัญญาจ่าย แล้วนี่ค่าโง่ล้วนๆ จะมีปัญญาจ่ายหรือ?
แก่งหินเพิง