นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้นำ นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chamber of Commerce) รวมถึงผู้แทนจากหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย จำนวน 36 ประเทศ เข้าคารวะและร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์การค้าและการลงทุนในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป
“หอการค้าต่างประเทศนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับฟังปัญหาจากกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติในไทย และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหอการค้าฯ มาโดยตลอด กลุ่มคนเหล่านี้มีถิ่นพำนักและประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการให้คำแนะนำและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงติดตามประเด็นความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของชาวต่างชาติที่เข้ามาธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงเสนอแนะแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศของทั้งในเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาด การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฟื้นฟูประเทศ” นายสนั่น กล่าว
สำหรับการพบปะหารือนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสำคัญของการค้า การลงทุน และการเดินทางท่องเที่ยวของต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงได้เล่าให้นักธุรกิจชาวต่างชาติได้รับทราบถึงเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ รวมถึงได้เน้นประเด็นของการใช้ Digital Transformation เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย นอกจากนั้น ในปัจจุบันรัฐบาลมีความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะพุ่งเป้าพัฒนาการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการของประเทศไทย
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่เกิดสถานการณ์โควิด หอการค้าต่างประเทศขอบคุณรัฐบาลไทย รวมทั้งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรวัคซีนให้กับนักธุรกิจต่างชาติ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศไทยต่อจากนี้ในมุมมองของหอการค้าต่างประเทศ คือการผลักดันเรื่อง Digital Transformation และ Economic Modernization นอกจากนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายในการสร้างความยั่งยืน และนโยบายสีเขียว (Green Policies) ที่บูรณาการเข้ากับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริม BCG และ ESG อย่างจริงจัง ทั้งนี้ หอการค้าต่างประเทศยังมีโครงการต่าง ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย โดยสนใจและติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางในการทำให้เศรษฐกิจของไทยแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณภาครัฐที่สนับสนุนกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติในไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างกัน โดยหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และส่งเสริมการค้าการลงทุนของต่างชาติในไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายสแตนลีย์ กล่าว