กำลังเป็นที่วิพากษ์ของสังคมกับเองของ “พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562" หรือ พ.ร.บ.ครอบครัวฉบับใหม่ ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศ 90 วัน หรือในวันที่ 20 สิงหาคม ศกนี้
สาระสำคัญที่ทำเอาผู้คนในสังคมถึงกับ “หูผึ่ง” ก็คือบทบัญญัติที่ว่าด้วยการคุมเข้มการสูบบุหรี่ ที่แม้แต่การสูบบุหรี่ภายในบ้านมีความผิด! เข้าข่ายก่อความรุนแรงในครอบครัวเอาได้..
โดย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุ ในการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 “Tobaco and Lung Health” ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเน้นการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว ส่งเสริมครอบครัว และคุ้มครองสวัสดิภาพบุคคลต่างๆ
โดยในส่วนของความรุนแรงในครอบครัว กำหนดไว้ชัดเจนว่า เป็นการกระทำใดๆ ที่บุคคลในครอบครัวได้กระทำต่อกันโดยเจตนาให้เกิดหรือในลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ เสรีภาพ หรือชื่อเสียงของบุคคลในครอบครัว
ซึ่งครอบครัวมี 3 ลักษณะ คือ ตามสายโลหิต ตามพฤตินัย/นิตินัย และบุคคลที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน..
ในส่วนของการสูบบุหรี่ในบ้านของบุคคลในครอบครัวจะส่งผลเสีย คือ 1. ทำให้สัมพันธภาพครอบครัวเริ่มลดลง เพราะลูก เมียไม่อยากที่จะเข้าใกล้ หรือลูกเกิดพฤติกรรมเลียนแบบด้วยการสูบบุหรี่ 2. เมื่อไม่ได้สูบบุหรี่แล้วจะเกิดอาการหงุดหงิด ก้าวร้าวด้วยท่าทางและวาจา นำสู่การก่อความรุนแรงทางกายหรือจิตใจ 3. คนในบ้านได้รับควันบุหรี่มือสองและมือสาม ซึ่งในกรณีนี้หากคนในบ้านได้รับผลกระทบ โดยเกิดปัญหาสุขภาพและยืนยันได้ว่าเกิดจากการได้รับควันบุหรี่
ตาม พ.ร.บ.ใหม่นี้ จะถือว่า “ผู้ที่สูบบุหรี่ในบ้านมีความผิดในฐานของการก่อความรุนแรงในครอบครัว”
เพราะทำให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพของคนในครอบครัว อาจจะต้องขึ้นศาลเพื่อพิจารณาความผิด 2 ศาล คือ “ศาลอาญา” กรณีที่มีการทำร้ายทางกาย ได้รับโทษตามกฎหมายอาญา และ ”ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง”
ซึ่งศาลอาจมีคำสั่งให้คุ้มครองคนในครอบครัวและสั่งบังคับให้ผู้ที่สูบบุหรี่และทำให้เกิดปัญหาในบ้านเข้ารับการบำบัดและเลิกบุหรี่ เพื่อไม่ให้ทำพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความรุนแรงอีก
นี่คือผลงาน “ชิ้นโบว์แดง” ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” กระนั้นหรือ?
มันส่งเสริมสถาบันครอบครัวตรงไหนรึ? ตรงกันข้าม รังแต่จะทำให้สถาบันครอบครัวร้านฉานยิ่งขึ้นไปอีก หากผู้นำครอบครัวต้องมาถูกคนในบ้านแจ้งความดำเนินคดีฐานสูบบุหรี่ทำร้ายคนในครอบครัวเสียมากกว่า
นี่รัฐบาลกำลังลากเอากฎหมายเข้าไปเที่ยวสอดส่องถึงห้องนอน เตียงนอนประชาชนในบ้านเขากันเลยหรือ?
“แก่งหินเพิง” ไม่เข้าใจ กฎหมายแบบนี้ออกมาได้อย่างไร มันเป็นกฎหมายไร้สติ “เจี๊ยะป้า บ่สื่อ” เสียมากกว่า!!!
แต่ก็พอจะเข้าใจในยุคที่ สนช. ประเทศกรูมีที่ขยันหลับหูหลับออกกฎหมายโดยไม่ต้องไปใส่ใจว่า มันจะขัดแย้งละเมิดสิทธิ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ เราจึงได้เห็นกฎหมายหลายฉบับที่ต้องให้หัวหน้า คสช. ออก ม.44 ตามล้างตามเช็ด เดี๋ยวระงับใช้บทบัญญัติมาตรานี้ เดี่ยวชะลอการบังคับใช้บทบัญญัติข้อนี้ อะไรต่อมิอะไร
มันสะท้อนให้เห็นถึงความสับเพล่าออกกฎหมายเอามันอย่างเดียว!
จะว่าไป หากการสูบบุหรี่ภายในบ้านถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงจนถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แล้วไอ้ที่ตั้งวงถองเหล้าเบียร์ภายในบ้าน นอกบ้าน จะในแคมป์คนงาน บนถนน หรือที่ร้านเพิงหมาแหงนริมทางริมถนนโดยทั่วไปที่ยึดทางเท้าเป็นหัวหาดตั้งวงกองเหล้าสูบบุหรี่กันเต็มบ้านเต็มเมืองนี่ มันไม่ถือว่าร้ายแรงยิ่งกว่าหรือ?
ก็ถ้าหากกรณีสูบบุหรี่คืออาชญากรรมภายในบ้านภายในครอบครัวแล้ว
กรณีตั้งวงก๊งเหล้าจะในบ้าน นอกบ้าน มันก็เข้าทั้งหมดแหละ!
ในเมื่อเด็กเยาวชนได้เห็นพฤติกรรมของพ่อแม่หรือคนในครอบครัวที่ตั้งวงก๊งเหล่ากันนั้นย่อมเกิดการเลียนแบบหรือเสพติด
จนนึกว่าอีกหน่อยตนเอง ก็คงทำได้เช่นกัน ดีไม่ดีจะถูกไหว้วานให้ไปซื้อกับแกล้มให้ซะด้วยอีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการทำคลอดกฎหมายในลักษณะอย่างนี้มา อีกหน่อยเราคงได้เห็นเจ้าหน้าที่ประเทศกรูมีอิ่มหนำสำราญกันก็วันนี้แหล่ะ
เพราะแค่ถือแผ่นกระดาษข้อความในกฎหมายฉบับนี้เดินเข้าไปในแคมป์คนงาน หรือร้านรวงเพิงหมาแหงนริมทางจะก็หวานหมูแล้ว!
โดย..แก่งหินเพิง