“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” คำพูดประโยคนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยพูดไว้เมื่อปี 62 เนื่องจากนายสมศักดิ์คงมองว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบพรรคอื่นทุกประตู
ตั้งแต่การมี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร เอาไว้โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 1-2 ครั้ง (4-8ปี) ตามวาระของส.ว.ลากตั้งชุดนี้ที่มีอายุ 5 ปี
นอกจากนี้ ก่อนการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ยังมีการแก้ไขการแบ่งเขตการเลือกตั้งกันนัวเนีย 2-3 ครั้ง จนมีเสียงครหาว่าแก้ไขเขตเลือกตั้งให้ลงตัว เพื่อความได้เปรียบของผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หรือเปล่า?
หลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 มีเรื่องของบัตรเขย่ง มีข้อครหาเรื่องการคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบน่าฉงนงงงวย เนื่องจากทำให้มี ส.ส.ปัดเศษ และ ส.ส. 1,700 คะแนน โผล่เข้ามาในสภาฯ
ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลหลายคนเห็นปัญหาตรงนี้ จึงขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จากบัตรเลือกตั้งใบเดียว เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จากที่เคยมี ส.ส.เขต 350 คน (350 เขต) และส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน เมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ก็แก้ไขเป็นส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยมีการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อปี 64
พอมาถึงประเด็นจะใช้อะไรคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ควรหาร 500 หรือหาร 100 ซึ่งในชั้นกรรมาธิการฯ เสียงส่วนใหญ่เห็นควรหาร 100 ตามจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
แต่ไปๆ มาๆ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งซิกว่า ชอบหาร 500 ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการซื้อใจพรรคการเมืองเล็กๆ ให้ช่วยโหวตตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือเปล่า? เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 มติของรัฐสภา 392 : 160 คว่ำสูตรหาร 100 แต่หนุนสูตรหาร 500 ตามจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์
ต่อมาวันที่ 19 ก.ค.65 เจ้าของประโยค “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” อย่างนายสมศักดิ์ ได้ออกมาแสดงถึงข้อกังวลเกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 ว่า น่าจะอยู่ไม่ได้ และจะมีปัญหาตามมาทีหลัง เพราะย้อนแย้งกัน หลังจากได้คุยกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคก้าวไกลบางคน แต่ละคนเริ่มเห็นคล้อยตามกับที่ตนคิดไว้
ถามว่า ปัญหาน่ากังวลคืออะไร นายสมศักดิ์ตอบว่า แม้ที่ผ่านจะไม่ได้ขัดกฎหมาย แต่สมมุติว่า จำนวน ส.ส.ที่จะได้ คือจำนวนที่เลือกบัญชีรายชื่อ และหารด้วย 500 จะได้ ส.ส.พึงมี แต่ถ้าได้ ส.ส.เขตมากกว่า ดังนั้น ส.ส.บัญชีรายชื่อจะไม่ได้ ยกตัวอย่างพรรคภูมิใจไทย อาจจะได้ ส.ส. 50 เขต แต่บัญชีรายชื่อได้ 5 ล้าน เท่ากับว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะไม่ได้เลย และถ้าเขาได้ ส.ส. 60 คน ก็คงไม่พอใจ เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ
นายสมศักดิ์จึงเห็นว่า ควรกลับมาใช้หารด้วย 100 เพราะเรื่องยังไปไม่ไกล ซึ่งเสียงในสภาสามารถทำได้ แต่เรื่องนี้ต้องลองถามพรรคภูมิใจไทยดู เพราะเขา (ภูมิใจไทย) กระทบเยอะ โดยเฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะไม่ได้
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า พรรคภูมิใจไทยบอกแล้วว่า ได้หมด เพราะไม่ได้ทำความเดือดร้อน หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพรรค ไม่มีปัญหา จะใช้สูตรเท่าไหร่ก็บอกมา เพราะ ส.ส.และผู้สมัครของภูมิใจไทยทำงานเต็มที่ให้ประชาชนเลือกกลับมาเป็นผู้เเทนราษฎรให้ได้อยู่แล้ว ในส่วนของภูมิใจไทยจะหารเท่าไหร่ ใช้สูตรอะไรก็ใช้ไปเถอะ แม้จะลองไปหารเล่นๆ แล้ว ตนอาจจะไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะไม่เหลือ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ตนเลย
คือสรุปลึกๆ แล้วนายอนุทินก็กลัวสูตร 500 หาร เพราะยอมไม่ได้หรอกที่เขาจะไม่ได้เข้าไปนั่งในสภาฯ ในฐานะของ ส.ส. และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ประเด็นดังกล่าวพรรคพลังประชารัฐโดยนายสมศักดิ์ และพรรคภูมิใจไทย กำลังเคลื่อนไหวอยู่เพื่อให้เปลี่ยนมาใช้สูตร 100 หาร เรียกว่า “กลับลำ” จากจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ใช่นักเลือกตั้ง เพราะเขามั่นใจว่า มีมือ ส.ว. 250 คน คอยสนับสนุนอยู่แล้ว และจุดยืนเรื่องสูตร 500 เพื่อต้องการเอาใจ “พรรคเล็ก” มากกว่า
พรรคเล็ก พรรคน้อย ที่นั่งกันหน้าสลอนในสภาฯ ทำให้ระบบพรรคการเมืองไทยอ่อนแอ เนื่องจากถ้าใช้สูตร 100 หาร กับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การเลือกตั้งเที่ยวหน้าพรรคเล็ก พรรคน้อย หรือพรรครับกล้วย จะสูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ “กระเพื่อม” หนัก! กับสูตร 500 หาร เพราะนักเลือกตั้งอาชีพคิดคำนวณแล้ว ถ้ายังเดินหน้าใช้สูตร 500 หาร ท่ามกลางกระแสของรัฐบาลและกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ตกต่ำมากๆ ในสายตาชาวบ้าน การเลือกตั้งเที่ยวหน้าจะลำบาก!
ไม่ใช่แค่นายสมศักดิ์ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออยากกลับไปใช้สูตร 100 หาร แต่คนระดับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือว่าเป็นคนที่มองหน้าก็รู้ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ยังออกมาแสดงความเห็นว่าส่วนตัวเชื่อว่า กกต. จะพิจารณาในประเด็นสูตร 100 หาร และยืนยันหลักการที่เสนอไว้ตั้งแต่แรกที่ทำเนื้อหาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นเนื้อหาที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากเห็นชอบด้วย
เมื่อ กกต.ยืนยันเนื้อหา รัฐสภามีหน้าที่ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ว่า จะแก้ไขตามสิ่งที่ กกต.ให้ความเห็น หรือยืนยันสูตร 500 หาร แต่การกำหนดสูตรคำนวณ ส.ส.ตาม พ.ร.ป. ต้องทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไข โดยเฉพาะประเด็นคำว่า สัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรง ซึ่งแปลความถึงจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ดังนั้น ในมิติทางกฎหมายจะแปลงไปเป็น 500 คน ซึ่งหมายถึง ส.ส.ทั้งหมดของสภาฯ ไม่ได้
งานนี้ทำเอาสมาชิกพรรคเพื่อไทย นั่งหัวเราะชอบใจกับความเป็นไปของคนในพรรคพลังประชารัฐกำลังอยู่ในสภาพ “ลิงแก้แห” ที่กำลังพันตัวเองอยู่ เนื่องจาก “นักรัฐประหาร” จะเอาสูตร 500 หาร แต่ “นักเลือกตั้ง” จะเอาสูตร 100 หาร
สำทับมาด้วย “คนแดนไกล” จากนครดูไบ ซึ่งเจอมาแล้วทุกกติกา ไม่เคยเขียนกฎ-กติกาเองเลย! แต่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทุกครั้ง ยังไม่วายออกมาขย่มซ้ำด้วยว่า พรรคเพื่อไทยคงพร้อมลงสนามทุกสูตร ไม่ว่าจะเป็น 100-500 ถึงแม้จะใช้สูตร 500 หาร พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลก็แพ้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล อยู่ดี!
เสือออนไลน์