ต้องไปถาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ซึ่งเป็นระดับหัวขบวนของ “ป.ป.ช.” ชุดนี้ และเป็นเครือข่ายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. หลุดรอดจากคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด (จีที 200) หรือ “ไม้ล้างป่าช้า” ไปได้อย่างไร?
เหตุไฉน “ป.ป.ช.” จึงเล่นงานด้วยการ “ส่งฟ้อง” แต่พวกปลาซิว ปลาสร้อย เพียงแค่นายทหารระดับ “พันโท-พันเอก” 22 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องจีที 200 ในฐานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น
กองทัพบกสั่งซื้อเครื่องจีที 200 ทั้งหมด 12 สัญญา จำนวน 757 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 682,600,000 บาท เฉลี่ยเครื่องละกว่า 900,000 บาท ทั้งที่ต้นทุนจากบริษัทผู้ผลิตไม่ถึงเครื่องละ 1,000 บาท แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือ ซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้เลย จึงได้รับฉายาว่า “ไม้ล้างป่าช้า”
โครงการจัดซื้อจัดจ้างสัญญาละหลายสิบล้านบาท-ร้อยล้านบาทแบบนี้ คนที่เคยอยู่ในระบบราชการ เคยอยู่ในคณะรัฐมนตรีมาก่อน ต่างทราบดีว่าโครงการลักษณะนี้ต้องผ่านการอนุมัติในหลักการจาก รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นการนำเสนอโครงการจากกองทัพบกขึ้นไปนั่นเอง
พูดง่ายๆ ว่า โครงการนี้ต้องผ่าน “พลเอก” ในระดับ 5 เสือ ทบ. ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ก่อนจะส่งไปให้ ผบ.ทบ. และ รมว.กลาโหม เซ็นอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายของการจัดซื้อจัดจ้าง
ส่วนระดับ “พันโท-พันเอก” ทำหน้าที่เหมือนฝ่ายธุรการเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ ไม่มีสิทธิ์แนะนำ “นาย” ว่าไม่ควรซื้อ! เพราะราคามันแพงเว่อร์! ซื้อแล้วใช้งานไม่ได้แน่นอน เหมือนถูก “ต้มตุ๋น” อะไรปานนั้น
คือ “พันโท-พันเอก” ทำงานไปตามที่นายสั่ง นายสั่งซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน ต้องทำตามนายสั่ง และปฏิเสธไม่ได้ นี่คือวัฒนธรรมของคนในกองทัพ
ในขณะที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้เซ็นอนุมัติจัดซื้อไม้ล้างป่าช้า คนละหลายสัญญาไม่ใช่หรือ “ป.ป.ช.”
ป.ป.ช. เคยเรียก พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ รวมไปถึงอดีตเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก มาสอบสวนบ้างหรือเปล่า และเคยเรียก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่เคยไปจ้อออกรายการทีวีเกี่ยวกับคุณสมบัติ-คุณภาพของจีที 200 มาสอบสวนบ้างหรือเปล่า?
เนื่องจากงานนี้ถ้าจะฟัน! แต่ปลาซิว ปลาสร้อย “พันโท-พันเอก” 22 คน แต่ไม่ระคายผิวไปถึง “พล.ท.-พล.อ.” มันก็ไม่ไหวนะ ป.ป.ช. เพราะสังคมไทยรับไม่ได้หรอก ส่วนทหาร 22 คน เขาโวยวายแน่นอน เพราะไม่ได้มีอำนาจในการเซ็นอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง แต่คนเซ็นเป็น “พล.อ.”
ถ้า ผบ.ทบ. ไม่ชงเรื่องขึ้นไปยัง รมว.กลาโหม ให้อนุมัติหลักการ ก็จะไม่มี “ไม้ล้างป่าช้า” มาโผล่หลอกหลอนคนไทยถึง 757 เครื่อง นี่เฉพาะในกองทัพบกเท่านั้น แต่ยังมีของหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่จัดซื้อเข้ามาใช้งาน 1-2 เครื่องด้วย
“ไม้ล้างป่าช้า” ที่ว่านี้เคยนำเข้ามาทดสอบในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตอนนั้นนำเข้ามาเครื่องละ 20,000 บาท แต่ใช้งานไม่ได้จริงๆ เขาจึงไม่ซื้อมาใช้!
แต่สุดท้ายมาโผล่เพียบ! ในยุคของพี่น้อง 3ป. จัดซื้อของแพงๆ ทั้ง “บอลลูน” ในยุค พล.อ.อนุพงษ์ แต่บินได้ไม่นานก็รั่ว! ค่าซ่อมแพง สุดท้ายต้องรีบปลดประจำการในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ.
แต่กรณี “ไม้ล้างป่าช้า” มันเป็นเรื่องที่สังคมไทยพูดถึงกันมาก เนื่องจากซื้อแพงกว่าชาวบ้านชาวเมือง แต่ใช้งานไม่ได้ จนกลายเป็นเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ กลับเอาแค่ระดับผู้ใต้บังคับบัญชา 22 คน มารับผิด! โดยไม่ยอมแตะต้อง “พล.อ.”
เรื่องนี้ “ป.ป.ช.” ไปคิดเอาเองว่าถูกต้อง ละเว้นหรือไม่ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรมหรือเปล่า? ส่วนนายทหาร 22 คน ที่ตกเป็น “แพะ” จงคิดเสียว่าเป็นความโชคร้ายในระบบราชการ เพราะมีอดีตผู้บังคับบัญชาเป็นแบบนี้!
เสือออนไลน์