นายทุนไม่ได้ “กินรวบ” แค่ธุรกิจโทรคมนาคม (มือถือ) โดยที่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์อย่างเต็มกำลังความสามารถ ดังนั้น จึงไม่ต้องไปคาดหวังอะไรกับหน่วยงานแยกย่อยออกไปอย่าง “กสทช.”
เนื่องจาก “กสทช.” มาจากการคัดสรรโดย ส.ว. 250 คน ที่มาจากการ “ลากตั้ง” โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ คสช. ก็มาจากการรัฐประหาร ซึ่งไม่ได้อิงแอบผูกพันกับประชาชน เพราะ คสช. มาจากปากกระบอกปืน ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน จึงไม่จำเป็นอะไรที่ต้องไปแคร์ความรู้สึกของประชาชน
กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่เกิดปรากฎการณ์นายทุนไม่กี่ตระกูล “กินรวบ” ประเทศไทย ตั้งแต่ธุรกิจน้ำเมา ที่มีเม็ดเงินสะพัดปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่เมื่อมีกระแสเรียกร้องในเปิด “สุราเสรี” ก็ถูกเตะสกัดล้มพับไปแล้ว เพื่อไม่มี “สุราเสรี” มาทุบหม้อข้าวเจ้าสัว 2-3 ตระกูล
มาถึงธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง มีการเทคโอเวอร์ห้างฯ ค้าปลีก ค้าส่ง ไว้ในมือเกือบหมด เรียกว่า “กินรวบ” ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งในประเทศ ทำให้นายทุนใหญ่ครอง “อำนาจเหนือตลาด” แต่เพียงผู้เดียว สามารถกำหนดกิจกรรมการผลิต-ขาย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
แล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำอะไรได้บ้าง? คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ทำอะไรได้บ้าง? หรือเป็นเพียงแค่เสือกระดาษหรือไม่?
นอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ทุนใหญ่ที่ว่ายังพยายาม “กินรวบ” ธุรกิจหมู เห็ด เป็ด ไก่ ปั่นราคาเนื้อสัตว์ กำหนดการขึ้นๆ ลงๆ ราคาเนื้อสัตว์ บีบพ่อค้า แม่ค้ารายย่อยให้อยู่ไม่ได้ ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวเริ่มเห็นได้ชัดเจนมาตั้งแต่ปลายปี 64 จนถึงปัจจุบัน
อีกธุรกิจที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้นายทุน “กินรวบ” ธุรกิจพลังงาน นายทุนรวยเอาๆ แต่ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นมาก เนื่องจากรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธาน กพช. ผลิตไฟฟ้าออกมาล้นประเทศ มากเกินความต้องการ ทั้งไฟฟ้าที่ผลิตได้ในประเทศ และไฟฟ้านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
รัฐบาลให้ใบอนุญาตนายทุนผลิตไฟฟ้า แบบผิดทิศผิดทางมากเกินไป ทำให้นายทุนกลายเป็น “เสือนอนกิน” แค่ได้ใบอนุญาตก็รวยกันพุงปลิ้นแล้ว
แม้ว่ารัฐจะไม่เรียกไฟฟ้าจากนายทุน แต่รัฐต้องจ่าย “ค่าความพร้อม” สูงมากเดือนละ 8 พันล้านบาท เนื่องจาก 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ใบอนุญาตนายทุนไว้เยอะ จนไฟฟ้าล้นอยู่ในระบบกว่า 50% คือ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าวันที่ “พีค” สุดๆ ประมาณ 33,177 เมกกะวัตต์ แต่กำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศและไฟฟ้านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมกันกว่า 52,000 เมกกะวัตต์
ไฟฟ้าล้น! ไฟฟ้าเกินความต้องการ แทนที่คนไทยจะจ่ายค่าไฟถูกๆ แต่ตอนนี้ต้องกัดฟันจ่ายค่าไฟ+ค่าเอฟที ในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย โดยราคาค่าไฟฟ้า 4.72 บาทต่อหน่วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อยู่ไม่ได้นะ!
เพราะยังขาดสภาพคล่องอีกเป็นแสนล้านบาท ถ้าจะให้ กฟผ. อยู่ได้ คนไทยต้องช่วยกันควักจ่ายค่าไฟหน่วยละ 6.12 บาท
นี่แหล่ะถึงบอกว่า 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้นายทุนสามานย์กินรวบทุก “อณู” ธุรกิจหลัก ทำให้คนไทยเลือดตาแทบกระเด็น ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน “ถ่าง” มากขึ้น การันตีด้วยการลงทะเบียนบัตรคนจนเกือบ 22 ล้านคน เข้าไปแล้วท่านประยุทธ์!!
เสือออนไลน์