ขณะที่ประชาชนคนไทยและโดยเฉพาะคอบอลได้ดูมหกรรมฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพกันสมใจอยาก หลังจากที่ต้องลุ้นระทึกกันไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของนัดเปิดสนามถึงได้ดูกัน
ไม่มีใครฉุกใจคิดเลยว่า เหตุใดมหกรรมกีฬาระดับโลกที่ถือความใฝ่ฝันของวงการฟุตบอลไทยมาตลอดศก หน่วยงานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถึงไม่คิดอ่านจะทำอะไรก่อนหน้านี้ จนเวลาล่วงเลยมาเป็นปี เหลือไม่ถึงขวบเดือนจะถึงพิธีเปิดถึงได้ลนลานมาคิดอ่านระดมทุนซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกจาก FIFA หรือทั้งหมดนี้คือ “มหกรรมปาหี่” ที่จับประชาชนคนไทยเป็นตัวประกัน และอาศัยลูกชุลมุนชุลเกตักตวงผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อใครบางคนหรือไม่?
ก่อนทุกฝ่ายจะมาถึงบางอ้อ เมื่อจู่ ๆ กลับปรากฏว่า ลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 จากฟีฟาที่ กกท. ออกหน้าขอระดมทุนจากหน่วยงานและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนไปถึง 1,400 ล้านบาท เพื่อไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาให้ประชาชนคนไทยได้สัมผัสนั้น ถูกขายสิทธิ์เปลี่ยนมือออกไปให้ “ทรูวิชั่นส์” ชุบมือเปิบไปโดยไม่มีใครบอกได้ว่า มันมีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดลิขสิทธิ์บอลโลกที่กว่าประเทศไทยจะได้มา ต้องเจียดเม็ดเงินภาษีประชาชนไปนับพันล้าน ต้องบากหน้าขอให้เอกชน บริษัทห้างร้านรายใหญ่ร่วมลงขันกันถึงไปตกอยู่ในเงื้อมมือของ “ทรูวิชั่นส์”
รู้แต่เพียงว่า กลุ่มทรูและทรูวิชั่นส์ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 มาจาก กกท. เพียงรายเดียวเท่านั้น ก่อนที่บริษัทจะกำหนดช่องทางการถ่ายทอด โดยจำกัดให้เผยแพร่ได้แต่เฉพาะทีวีระบบภาคพื้น และกล่องดาวเทียมของตนเองเท่านั้น ไม่สามารถจะนำไปถ่ายทอดผ่านระบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล่อง IPTV Internet Mobile TV หรือระบบ OTT
กลายเป็น “ใบเสร็จ” ที่ทุกฝ่ายต้องถามไปยังการกีฬาฯ กกท.ว่า เหตุใดลิขสิทธิ์บอลโลกที่ใช้เม็ดเงินภาษีประชาชนทั้งจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ กองทุน กทปส. ของ กสทช. รวมทั้งการลงขันจากธุรกิจเอกชนรายใหญ่กว่า 1,400 ล้านบาท ถึงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของ “ทรูวิชั่นส์” แต่เพียงรายเดียวได้
ทั้งยังก่อให้เกิดคำถาม สัญญาที่ กกท. ทำไว้กับ “ทรูวิชั่นส์” นั้น ใช่สัญญาขอความสนับสนุนการเงินลงขัน เพื่อจัดซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 แน่หรือ หรือว่าเป็นสัญญาขายสิทธิ์ฟุตบอลโลกที่ กกท. ได้รับมาไปให้ทรูวิชั่นส์ “ชุบมือเปิบ” โดยไม่มีการแข่งขัน หรือเปิดให้ผู้ประกอบการทีวีช่องอื่นๆ ได้เข้าไปร่วมยื่นข้อเสนอแม้แต่น้อย
ถ้อยแถลงของ “ทรูวิชั่นส์” ที่ป่าวประกาศออกมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย.นั้น บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า กกท. ได้ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลโลก 2022 ที่ได้รับมาจาก FIFA ให้แก่กลุ่มทรูวิชั่นส์เพียงรายเดียวเท่านั้น โดยกลุ่มทรูวิชั่นส์ไม่เพียงจะได้สิทธิ์เลือกถ่ายทอดแมตช์สำคัญ ๆ ไปถึง 32 แมตช์จาก 64 แมตช์แล้ว ยังกำหนดเงื่อนไขการถ่ายทอดและแพร่ภาพได้เอง โดยไม่สนใจกฎเหล็ก Must Have-Must Carry ของ กสทช. แต่อย่างใด
ก่อให้เกิดคำถาม กกท. ถือสิทธิ์อะไร จึงประเคนเม็ดเงินภาษีและผลประโยชน์นับพันล้านไปให้กลุ่มทรูวิชั่นส์เพียงรายเดียวได้สิทธิ์ผูกขาด แถมยังมีการทำสัญญาขายสิทธิ์ที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเองอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นการ “ก้าวล่วง” อำนาจหน้าที่ของ กสทช. อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้บริษัทสามารถกำหนดเงื่อนไขการถ่ายทอดและแพร่ภาพได้เองโดยไม่สนกฎเหล็กของ กสทช. ที่มีอยู่แต่อย่างใด
เพราะหาก กกท. แจ้งเงื่อนไขการให้การสนับสนุนตั้งแต่แรกว่า จะให้สิทธิ์เอกชนได้ทำมาหากินเป็นล่ำเป็นสันได้ขนาดนี้ อย่าว่าแต่ 300 / 600 ล้านบาทเลย ต่อให้ต้องควักเนื้อไปถึง 1,600 ล้าน ก็เชื่อแน่ว่า คงมีนักลงทุนหรือช่องทีวีต่างๆ กระโจนลงสู่สนามตั้งแต่แรกแล้ว หรือหากต้องเลือกวิธีนี้เหตุใด กกท. จึงไม่เปิดทางให้ทรูเป็นผู้จัดซื้อลิขสิทธิ์เสียตั้งแต่แรก จะออกหน้าขอเงินสนับสนุนจาก กสทช. หรือใช้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาที่เป็นเม็ดเงินภาษีของประชาชนไปทำไม ในเมื่อผลประโยชน์ที่ได้นั้นตกไปเป็นของเอกชนยกกระบิเช่นนี้
มันจึงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมีการวางแผนปล้นเม็ดเงินภาษีประชาชน และฮุบผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผ่านมหกรรมกีฬาฟุตบอลโลกในครั้งนี้อย่างเป็นกระบวนการ และมีการยืมมือหน่วยงานรัฐออกหน้าระดมทุนไปใช้อย่างแยบยลหรือไม่?
คงต้องปูเสื่อรอดูกันต่อไปว่า ทั้งพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐและถ้อยแถลงของทรูวิชั่นส์ที่ถือเป็น “ใบเสร็จ” แห่งความผิดที่สำเร็จรูปอย่างชัดเจนครั้งนี้ หน่วยงานตรวจสอบทั้งหลายแหล่ะ ทั้งคณะกรรมการ ปปช. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือเครือข่ายผู้บริโภคทั้งหลายจะออกมาตรวจสอบเพื่อปกป้องเม็ดเงินภาษีและผลประโยชน์ของประชาชนที่กำลังถูกสูบกันออกไปอย่างแยบยลหรือไม่
หรือพอใจแค่ได้เห็นประชาชนคนไทยได้ดูบอลโลกสมใจอยากกันแค่นั้น ส่วนเม็ดเงินภาษีประชาชนจะถูกสูบออกไปเข้าพกเข้าห่อใครอย่างไรนั้น ไม่ใช่สาระหลักที่ต้องสนใจ หาไม่แล้ว กรณีลิขสิทธิ์บอลโลกอื้อฉาวครั้งนี้ จะกลายเป็น “โมเดล” ที่กลุ่มทุนการเมืองคงใช้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์เข้าพกเข้าห่อ เป็นหนทางถอนทุนทางการเมืองกันอย่างเอิกเกริกไม่สิ้นสุดแน่!
แก่งหิน เพิง